ฮอร์โมน รหัสลับสุขภาพ ที่ร่างกายพยายาม ส่งสัญญาณถึงคุณ

ฮอร์โมน รหัสลับสุขภาพที่ร่างกายพยายามส่งสัญญาณถึงคุณ

นอนครบแต่ยังรู้สึกเพลีย? กินเท่าเดิมแต่น้ำหนักกลับเพิ่มขึ้น? อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย หรือรู้สึกหมดแรงจูงใจในการใช้ชีวิต? อาการเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องเครียด หรือนอนไม่พออย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่อาจเป็น “สัญญาณเงียบจาก ฮอร์โมน” ที่เริ่มเสียสมดุล เป็นปัญหาที่กำลังส่งผลต่อคนไทยจำนวนมากในปี 2568 นี้

ฮอร์โมนคืออะไร ทำไมถึงสำคัญ?

ฮอร์โมน (Hormones) يكون สารเคมีชนิดหนึ่งที่ผลิตจาก “ต่อมไร้ท่อ” (Endocrine Glands) เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไต ตับอ่อน รังไข่ (ในผู้หญิง) และอัณฑะ (ในผู้ชาย) ซึ่งทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังอวัยวะต่าง ๆ เพื่อควบคุมการทำงานของร่างกาย เช่น

هرمون
  • ระบบเผาผลาญพลังงาน (Metabolism) เช่น การเผาผลาญไขมัน น้ำตาล และพลังงาน
  • การนอนหลับและการตื่น (Sleep–Wake Cycle) مثل ฮอร์โมนเมลาโทนิน ช่วยให้นอนหลับสนิท
  • ความรู้สึกหิว–อิ่ม เช่น อินซูลิน เกรลินและเลปตินควบคุมความอยากอาหาร
  • ระบบสืบพันธุ์ และสมรรถภาพทางเพศ เช่น เอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน และเทสโทสเตอโรน
  • การเจริญเติบโตและซ่อมแซมร่างกาย مثل هرمون النمو ช่วยฟื้นฟูเซลล์ในขณะนอนหลับ

แม้ هرمون จะมีปริมาณเพียงเล็กน้อยในร่างกาย แต่หากเกิดความไม่สมดุล เช่น มากหรือน้อยเกินไป ก็อาจนำไปสู่ ปัญหาสุขภาพฮอร์โมน เรื้อรัง ที่คนไทยจำนวนมากกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

สุขภาพคนไทยในยุคเร่งรีบ ฮอร์โมนกำลังส่งสัญญาณอะไร?

จากรายงานสุขภาพคนไทยปี 2568 ระบุว่า คนไทยกว่า 13.4 ล้านคนมีปัญหาสุขภาพจิต อัตราการฆ่าตัวตายพุ่งสูง และมีแนวโน้มความเครียด อารมณ์แปรปรวนในกลุ่มวัยทำงานมากขึ้น

พร้อมกันนั้น โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อย่างเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ และโรคอ้วนก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ นอนน้อย และกินอาหารแปรรูปส่งผลต่อสุขภาพฮอร์โมนอย่างชัดเจน

ผู้ที่เสี่ยงมากที่สุด คือกลุ่มวัย 30–50 ปี ที่มีภาระงาน ความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ

สัญญาณที่บอกว่า “ฮอร์โมนกำลังรวน”

อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่พบบ่อยว่าฮอร์โมนกำลังเสียสมดุล

  • เหนื่อยง่ายเรื้อรัง แม้พักผ่อนแล้ว
  • น้ำหนักขึ้นง่าย คุมอาหารแค่ไหนก็ไม่ลด
  • หิวบ่อย โดยเฉพาะของหวานหรือแป้ง
  • นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท
  • หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า ไม่มีแรงจูงใจ
  • ผิวพรรณโทรม ภูมิคุ้มกันลดลง
  • เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
هرمون

ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไปตามวัย เข้าใจ “จังหวะชีวิต” เพื่อวางแผนสุขภาพให้สมดุล

ฮอร์โมนในร่างกายไม่ได้หลั่งเท่ากันตลอดชีวิต แต่เปลี่ยนแปลงตาม “ช่วงวัย” อย่างมีแบบแผน เหมือนคลื่นที่มีจังหวะขึ้น–ลง และส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและใจอย่างลึกซึ้ง การเข้าใจจังหวะนี้คือกุญแจสำคัญของการวางแผนสุขภาพแบบชะลอวัยและเฉพาะบุคคล

วัยเด็กและวัยรุ่น: จุดเริ่มต้นของการเจริญเติบโต และการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและระบบฮอร์โมน

  • วัยนี้เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มผลิตฮอร์โมนในระดับที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศ (Estrogen, Testosterone), โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) และ DHEA
  • ฮอร์โมนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ สมอง ระบบประสาท และการพัฒนาอวัยวะสืบพันธุ์
  • พฤติกรรมการนอน การกิน และการรับมือกับความเครียดในวัยนี้ จะส่งผลต่อฮอร์โมนและการเติบโตในระยะยาว

คำแนะนำ: การนอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงน้ำตาลตั้งแต่วัยเด็ก จะช่วยป้องกันภาวะดื้ออินซูลิน และวางรากฐานสุขภาพฮอร์โมนที่ดีในอนาคต

วัย 30+: จุดเปลี่ยนของฮอร์โมนแบบเงียบๆ

  • แม้ภายนอกจะดูแข็งแรง หรือไม่มีอาการเจ็บป่วยชัดเจน แต่ในความเป็นจริง ฮอร์โมนหลายชนิดเริ่มลดลงแบบช้า ๆ โดยเฉพาะฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูร่างกายและพลังชีวิต เช่น โกรทฮอร์โมน เทสโทสเตอโรน และ DHEA
  • หลายคนเริ่มพบปัญหาเหนื่อยง่าย น้ำหนักขึ้นบริเวณรอบเอว นอนหลับไม่ลึก หรืออารมณ์แกว่งโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ความเครียดจากงานและครอบครัว รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอ จะยิ่งกระตุ้นคอร์ติซอลและรบกวนฮอร์โมนอื่น ๆ

คำแนะนำ:นี่คือจุดเริ่มต้นสำคัญของการวางแผนสุขภาพระยะยาว ควรเริ่มตรวจฮอร์โมนเบื้องต้น และปรับพฤติกรรมเพื่อชะลอการเสื่อมลงตั้งแต่เนิ่น ๆ

วัย 40+: ฮอร์โมนเริ่มแปรปรวนมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน

  • สำหรับผู้หญิง: ระดับเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเริ่มลดลงอย่างไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน นอนไม่หลับ หรือรอบเดือนผิดปกติ (Perimenopause)
  • ส่วนผู้ชาย: เทสโทสเตอโรนและ DHEA ลดลง ส่งผลต่อพลังงาน ความแข็งแรง มวลกล้ามเนื้อน้อยลง สมรรถภาพทางเพศ และความมั่นใจ
  • ทั้งสองเพศมักพบว่าอัตราการเผาผลาญลดลง ทำให้น้ำหนักขึ้นง่าย แม้จะกินเท่าเดิม

คำแนะนำ: วัยนี้ควรเริ่มตรวจวิเคราะห์ฮอร์โมนเชิงลึก เพื่อประเมินความสมดุลอย่างแท้จริง พร้อมวางแผนดูแลเฉพาะบุคคล ทั้งในเรื่องโภชนาการ การนอน การออกกำลังกาย และการเสริมวิตามินหรือสารอาหารที่จำเป็น

วัย 50+: วัยเปลี่ยนผ่านที่ฮอร์โมนส่งผลกับสุขภาพทั้งระบบ

  • ผู้หญิง: เข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือน (Menopause) อย่างเต็มตัว ระดับเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลงชัดเจน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ทั้งหัวใจ กระดูก ความจำ อารมณ์ และผิวพรรณ
  • ผู้ชาย: เข้าสู่ภาวะ Andropause (ฮอร์โมนเพศชายลดลงอย่างช้า ๆ) แม้อาการอาจไม่ชัดเจน แต่เสี่ยงต่อภาวะกล้ามเนื้อน้อย กระดูกพรุน ซึมเศร้า และโรคหัวใจ
  • ร่างกายโดยรวมมีภูมิคุ้มกันและพลังฟื้นตัวลดลง ฮอร์โมนเครียดอย่างคอร์ติซอลทำงานมากกว่าฮอร์โมนที่ช่วยฟื้นฟูร่างกาย เช่น โกรทฮอร์โมนหรือ DHEA

คำแนะนำ: วัยนี้จึงเหมาะกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งทางกาย จิตใจ และสมดุลฮอร์โมน เช่น การใช้ Bioidentical Hormone การฟื้นฟูระบบเผาผลาญ และการปรับสมดุล Microbiome

คำแนะนำจากแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย

“หลายคนเข้าใจว่าอายุยังน้อยไม่ต้องกังวลเรื่อง هرمون แต่จริง ๆ แล้ว هرمون เริ่มเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ช่วงวัย 25–30 ปี โดยเฉพาะคนที่เครียด นอนน้อย ใช้ชีวิตแบบเร่งรีบตลอดเวลา หรือแม้แต่การกินอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น กินอาหารแปรรูปประจำ” นี่คือข้อสังเกตจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่เน้นย้ำว่าการดูแล هرمون ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในผู้สูงอายุ แต่เป็นเรื่องที่คนวัยหนุ่มสาวและวัยทำงานควรรีบใส่ใจตั้งแต่วันนี้ในแนวทาง เวชศาสตร์ชะลอวัย” – دكتور أرايا دامنوين سوات (دكتور آم)

เคสตัวอย่างตรวจ ฮอร์โมน จากแพทย์ W9 Wellness

เรื่องราวจริงจากคนไข้ที่มีปัญหาสุขภาพจากความไม่สมดุลของฮอร์โมน และได้รับคำแนะนำเฉพาะบุคคลจากแพทย์ของ W9 Wellness Center

เคสที่ 1: คุณบี รังไข่เสื่อมก่อนวัย

  • เพศหญิง อายุ 38 ปี
    • “ประจำเดือนเริ่มมาห่างและไม่สม่ำเสมอ นอนไม่หลับ อารมณ์แปรปรวน”
  • 🧪 ตรวจพบ:
    • เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนต่ำมาก
  • 📉 วินิจฉัย: เข้าสู่ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัย (Premature ovarian failure)
  • 🩺 แนวทางดูแล
    • ปรับ Lifestyle หลีกเลี่ยงสารรบกวนฮอร์โมน (Estrogen disrupters) เช่น พลาสติก, ยาฆ่าแมลง, โลหะหนัก
    • ให้สารเสริมอาหารเฉพาะบุคคลเพื่อบำรุงรังไข่และระบบล้างพิษ
  • ✅ ผลลัพธ์หลัง 6 เดือน
    • อาการดีขึ้น
    • ประจำเดือนมาสม่ำเสมอขึ้น

เคสที่ 2: คุณซี นอนไม่หลับเรื้อรัง

  • เพศชาย อายุ 40 ปี / ผู้บริหารทำงานหนัก
    • “นอนไม่หลับ 4 ปี ต้องพึ่งยานอนหลับ รู้สึกเพลียแม้จะนอนหลายชั่วโมง”
  • 🧪 ตรวจพบ
    • คอร์ติซอลต่ำช่วงเช้า แต่สูงผิดปกติช่วงดึก
    • DHEA ต่ำ
  • 🩺 แนวทางดูแล
    • ปรับ Lifestyle ลดความเครียด
    • ให้สารเสริมอาหารที่ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนคอร์ติซอล
  • ผลลัพธ์หลัง 3 เดือน
    • อาการดีขึ้น
    • เริ่มลดการใช้ยานอนหลับได้

เคสที่ 3: คุณเอ เหนื่อยง่าย น้ำหนักขึ้น นอนไม่ลึก

  • เพศหญิง อายุ 38 ปี
    • “เหนื่อยง่าย นอนไม่ลึก น้ำหนักขึ้นเร็ว ทั้งที่ไม่ได้กินมาก”
  • 🧪 ตรวจพบ
    • คอร์ติซอลสูงช่วงดึก
    • เริ่มมีภาวะดื้ออินซูลิน
  • 🩺 แนวทางดูแล
    • ปรับอาหาร, การนอน, อาหารเสริมเฉพาะบุคคล
  • ผลลัพธ์หลัง 3 เดือน
    • น้ำหนักลดลง 4 กิโล
    • หลับได้ลึกขึ้น
    • อารมณ์ดีขึ้น

เริ่มต้นดูแลตัวเองด้วยการเข้าใจ “ภายใน” ผ่านการตรวจฮอร์โมนเฉพาะบุคคล

การทำความเข้าใจฮอร์โมนของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องของคนป่วย แต่เป็นเรื่องของคนที่อยากรู้จักร่างกายให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและชะลอวัยได้อย่างตรงจุด การตรวจประเมินสุขภาพฮอร์โมนอย่างละเอียด และรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความไม่สมดุลที่อาจซ่อนอยู่ และวางแผนการดูแลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ​​

นอกเหนือจากการตรวจฮอร์โมนเพื่อประเมินระดับ ฮอร์โมนให้สมดุล แล้ว ยังมีแนวทางง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยรักษาสมดุลฮอร์โมน

هرمون
  • โภชนาการ: เน้นอาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เลือกรับประทานโปรตีน ไขมันดี และไฟเบอร์ให้เพียงพอ รวมถึงได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของฮอร์โมน
  • การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น การฝึกความแข็งแรง (Weight Training) และการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ดีและลดภาวะดื้ออินซูลิน
  • การจัดการความเครียด: ฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือการใช้เวลาในธรรมชาติ เพื่อลดระดับฮอร์โมนความเครียดอย่างคอร์ติซอล
  • การนอนหลับ: เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนอน (มืด เย็น เงียบสงบ) และหลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน เพื่อส่งเสริมการผลิตเมลาโทนินและโกรทฮอร์โมน
  • สารเคมีรบกวนฮอร์โมน: เช่น สารเคมีบางชนิดในพลาสติก (BPA), ยาฆ่าแมลงบางประเภท ที่อาจเลียนแบบหรือรบกวนการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย

ดังนั้น การเข้าใจฮอร์โมนของตัวเองจึงไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ แต่คือจุดเปลี่ยนของการใช้ชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะในยุคที่ความเครียด อาหาร และไลฟ์สไตล์ไม่สมดุลกำลังท้าทายสุขภาพคนไทยมากกว่าที่เคย

فروع الخدمة

  • فرع مستشفى برارام 9
    • رقم الهاتف: 092-9936922
    • خط: @w9wellness
    • ساعات الافتتاح والإغلاق: 08.00 – 17.00.
  • فرع مركز بلونشيت
    • رقم الهاتف: 0994969626
    • خط: @wploenchit
    • ساعات الافتتاح والإغلاق: 10:00 صباحًا - 7:00 مساءً

เกี่ยวกับผู้จัดทำบทความ

ตรวจทานความถูกต้องโดย

พญ.อารยา ดำเนินสวัสดิ์ (หมอแอม)

แพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและเวชศาสตร์ป้องกัน
مركز W9 الصحي

บทความนี้เรียบเรียงโดย

สุนิษา ภัทรธาราพงศ์ (ก้อย)

Online Marketing Supervisor, W9 Wellness Center
ผู้เรียบเรียงบทความให้เข้าใจง่ายและตรงประเด็นสำหรับผู้อ่านทุกกลุ่ม

يشارك : 

مقالات ذات صلة

الأطعمة المضادة للسرطان تشير إلى العناصر الغذائية التي تساعد على تقوية جهاز المناعة. يساعد على تقليل خطر الإصابة بالخلايا السرطانية. أو إبطاء نمو الخلايا السرطانية

يعتبر السرطان السبب الأول للوفاة بين الشعب التايلاندي، وهو يحدث بشكل مستمر لفترة طويلة.

عدم التوازن الهرموني لأن نمط حياة الجيل الجديد، بالإضافة إلى التوازن بين العمل والحياة، يخلق التوازن بين الحياة العملية. والحياة الشخصية لزيادة كفاءة العمل