หลายคนได้ยินคำว่า “คอเลสเตอรอลสูง” แล้วรู้สึกกังวลทันที โดยเฉพาะเวลาเจอผลตรวจที่มีค่า LDL พุ่งสูงปรี๊ด แล้วมีคำว่า “ไขมันเลว” แปะอยู่ข้างๆ แต่ความจริงแล้ว… LDL ไม่ใช่ตัวร้ายเสมอไป วันนี้เลยอยากพาทุกคนมาทำความเข้าใจใหม่ไปพร้อมกันว่า คอเลสเตอรอลคืออะไร? LDL สำคัญแค่ไหน? และเราจะดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลโรคหัวใจ
คอเลสเตอรอลไม่ใช่ศัตรู…ถ้ารู้จักให้ดี
หลายคนเข้าใจผิดว่า LDL คือคอเลสเตอรอล แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ LDL (Low-density Lipoprotein) คือโปรตีนที่ทำหน้าที่เหมือน “รถขนส่ง” คอยพา cholesterol ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่ง เดินทางจากตับไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย
แม้คำว่า “ไขมัน” จะดูน่ากลัว แต่คอเลสเตอรอลเป็นสิ่งที่ร่างกาย จำเป็นต้องใช้ such as
- ใช้สร้างเยื่อหุ้มเซลล์ให้แข็งแรง
- เป็นวัตถุดิบในการผลิต sex hormones เช่น เอสโตรเจน เทสโทสเตอโรน
- ช่วยสร้างวิตามินดีจากแสงแดด
- help create เยื่อหุ้มเซลล์ประสาท ที่ทำให้ระบบประสาททำงานลื่นไหล
- ใช้สร้างน้ำดีเพื่อย่อยไขมันในลำไส้
- มีส่วนร่วมในการสร้าง Coenzyme Q10 ที่จำเป็นต่อการสร้างพลังงานระดับเซลล์
คอเลสเตอรอลไม่ใช่ผู้ร้าย และ LDL ก็ไม่ใช่ไขมันเลวเสมอไป เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่ LDL ที่มีอยู่ แต่ อยู่ที่ขนาดและจำนวนของมันต่างหาก
คอเลสเตอรอลสูง อย่าดูแค่ตัวเลข
เพราะความเสี่ยงโรคหัวใจ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ปริมาณ LDL หมอบาย นพ.พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก W9 Wellness อธิบายว่า เรื่อง “ไขมัน” โดยเฉพาะ LDL มีความซับซ้อนมากกว่าที่เราคิด และมี 3 ประเด็นสำคัญที่อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจใหม่
1. LDL ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากอาหารที่เรากิน
หลายคนเข้าใจว่า กินมันเยอะ = LDL สูง แต่จริงๆ แล้ว LDL ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดย “ตับ” ของเราเอง ไขมันจากอาหารส่งผลต่อ ไตรกลีเซอไรด์ มากกว่า LDL โดยตรง
สิ่งที่กระตุ้นให้ร่างกายผลิต LDL มากหรือน้อย ได้แก่
- heredity
- accumulated stress
- การนอนหลับไม่มีคุณภาพ
- อายุที่มากขึ้นทำให้ฮอร์โมนเพศลดลง ส่งผลให้ตับกำจัด LDL ได้น้อยลง
การหมั่นดูแลสมดุลฮอร์โมนตามช่วงวัย จึงช่วยปรับสมดุลไขมันในร่างกายได้และลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้
2. การอักเสบเรื้อรังในหลอดเลือด ตัวเร่งอันตรายที่มองไม่เห็น
คอเลสเตอรอลสูง จะยิ่งน่ากลัว ถ้าร่างกายของเรามี การอักเสบเรื้อรัง ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะการอักเสบที่เกิดขึ้นใน ผนังหลอดเลือด ลองจินตนาการว่าหลอดเลือดของเราเหมือน “ท่อน้ำ” ถ้าด้านในท่อเริ่มมี ตะกรัน or คราบตะไคร่น้ำ เกาะอยู่
- ท่อจะขรุขระ ไม่เรียบ
- น้ำไหลไม่สะดวก
- ของเสียหรือคราบต่างๆ จะติดค้างง่าย
ในร่างกายก็เช่นกัน ผนังหลอดเลือดที่อักเสบและไม่เรียบ จะทำให้ไขมัน LDL เข้าไปเกาะง่ายขึ้น เกิดเป็น “คราบไขมัน” ที่สะสมจนหลอดเลือดตีบหรือตันในที่สุดสิ่งสำคัญคือ ภาวะอักเสบแบบนี้ มักไม่แสดงอาการ แต่สามารถตรวจเช็กได้ ด้วยการตรวจเลือดดูค่า hs-CRP (high-sensitivity C-Reactive Protein) ถ้าค่านี้สูง โดยที่ไม่ได้มีไข้หรือเจ็บป่วย แสดงว่าร่างกายอาจกำลังมีการอักเสบเงียบๆ อยู่ เป็นสัญญาณเตือนให้รีบดูแลสุขภาพหลอดเลือด
3. อย่าดูแค่ตัวเลข! เพราะ “คุณภาพ” ของ LDL สำคัญกว่า “ปริมาณ”
เวลาเราตรวจสุขภาพประจำปี เรามักได้ค่า LDL รวม เช่น ได้ผลว่า “LDL = 130 mg/dl” แล้วคิดว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่รู้ไหมว่า… คนที่มี LDL รวมเท่ากัน อาจมีความเสี่ยงโรคหัวใจไม่เท่ากันเลย
สาเหตุอยู่ที่ชนิดของ LDL ที่แฝงอยู่ภายใน โดยเฉพาะ LDL ขนาดเล็กและหนาแน่น (Small Dense LDL หรือ sdLDL)
เจ้าตัวนี้อันตรายกว่าเพราะ
- มันเล็กมาก (แค่ 22–29 นาโนเมตร) : แทรกเข้าผนังหลอดเลือดได้ง่าย
- ถูกออกซิไดซ์ได้ง่าย : ก่อให้เกิดการอักเสบ
- สร้าง คราบไขมัน (Plaque) ได้ง่าย : เพิ่มความเสี่ยงหลอดเลือดอุดตัน
ตัวอย่าง: คนสองคนมี LDL = 130 mg/dl เท่ากัน แต่ถ้าคนหนึ่งมี sdLDL เยอะกว่า ก็มีโอกาสเสี่ยงโรคหัวใจมากกว่าหลายเท่า
ภาพนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ ผู้ป่วยทั้ง 4 คน (A, B, C, D) จะมี ค่า LDL เท่ากันคือ 125 mg/dl แต่ความเสี่ยงของแต่ละคน ไม่เท่ากัน นั่นก็เป็นเพราะความแตกต่างอยู่ที่ “จำนวน” และ “ขนาด” ของอนุภาค LDL
- คน A มี LDL ขนาดใหญ่ และจำนวนอนุภาคน้อย : เสี่ยงต่ำที่สุด
- คน B LDL ยังมีขนาดใหญ่ แต่เพิ่มจำนวนขึ้น : เสี่ยงมากขึ้นเล็กน้อย
- คน C มี LDL ขนาดเล็กลง และจำนวนเริ่มมากขึ้น : ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
- คน D มี LDL ขนาดเล็ก และมีจำนวนอนุภาคมาก : เสี่ยงสูงที่สุด
ตรวจคอเลสเตอรอลสูงให้แม่นยำด้วย Advanced Lipid Profile
การตรวจไขมันทั่วไป มักบอกเราแค่ “ค่ารวม” อย่าง LDL หรือ HDL แต่ในความเป็นจริง ความเสี่ยงโรคหัวใจไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขเท่านั้น การตรวจ Advanced Lipid Profile จะช่วยให้แพทย์มองเห็น
- โครงสร้างของไขมัน ว่าเป็นชนิดใด?
- คุณภาพของ LDL เช่น มีขนาดเล็กหรือใหญ่?
- จำนวนอนุภาคมากหรือน้อย?
ข้อมูลเหล่านี้ทำให้สามารถ
- ประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างแม่นยำ
- ตัดสินใจได้ว่า “ควรใช้ยา” หรือไม่
- วางแผนดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลได้ตรงจุดมากขึ้น
Who is it suitable for?
- คนที่มี ประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
- ผู้ป่วย เบาหวาน หรือ high blood pressure
- คนที่มี ไขมันสูงเรื้อรัง
- ผู้ที่ smoking or Not exercising
- หรือแม้แต่คนสุขภาพดีที่อยากรู้ “ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่”
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากรู้ความเสี่ยงแบบ “จริงจัง” ต้องตรวจลึกกว่าปริมาณ LDL รวม เช่น การตรวจ Advanced Lipid Profile ที่จะบอกได้ทั้ง “โครงสร้าง” และ “คุณภาพ” ของ LDL ได้อย่างชัดเจน
วิธีควบคุมคอเลสเตอรอลให้สมดุล
ไม่ว่าจะเพื่อป้องกันหรือดูแลสุขภาพหัวใจ การควบคุมระดับคอเลสเตอรอลให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ โดยสามารถทำได้ทั้งแบบใช้ยาและไม่ใช้ยา ดังนี้
1. ใช้ยาลดไขมัน เมื่อความเสี่ยงสูงหรือควบคุมไม่ได้ด้วยวิธีธรรมชาติ
หากปรับพฤติกรรมแล้วแต่คอเลสเตอรอลยังสูง หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น มีโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันสูง ฯลฯ การใช้ยา โดยเฉพาะกลุ่ม Statins ก็ยังเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ นอกจากลดไขมัน LDL แล้ว ยังมีงานวิจัยพบว่า Statins ช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือด และช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจในผู้สูงอายุได้
อย่างไรก็ตาม ยาทุกชนิดมีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง ข้อควรระวังเมื่อจำเป็นต้องใช้ยาลดไขมันกลุ่ม Statins อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ได้แก่
- ผลข้างเคียงต่อกล้ามเนื้อ: อาจมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง (พบได้ประมาณ 5-10%) ไปจนถึงภาวะกล้ามเนื้อสลายตัวอย่างรุนแรง (พบได้น้อยมาก)
- ผลกระทบต่อตับ: อาจทำให้ค่าเอนไซม์ตับสูงขึ้น ไม่ควรใช้ในผู้ที่มีโรคตับรุนแรง และควรสังเกตอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร หรือตัวเหลืองตาเหลือง
- ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง: บางงานวิจัยพบว่า Statins โดยเฉพาะในขนาดสูง อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้เล็กน้อย
- อาการทางระบบประสาท (บางราย): อาจพบอาการความจำสั้นลง หรือสับสนชั่วคราว ซึ่งพบได้น้อยและมักกลับมาเป็นปกติได้เมื่อหยุดยา
การใช้ยา ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
2. วิธีลดคอเลสเตอรอลสูงแบบธรรมชาติ (หรือทำควบคู่กัน)
อาหารที่ควรรับประทาน
- กินอาหารที่มาจากพืชเป็นหลัก Whole-food, Plant-based เช่น ข้าวกล้อง, ขนมปังโฮลวีท, ผักใบเขียวต่างๆ, เต้าหู้, ถั่วชนิดต่างๆ
- ลดไขมันอิ่มตัว เช่น เนื้อแดงติดมัน, นมไขมันเต็ม, น้ำมันปาล์ม/มะพร้าว
- หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ เช่น มาการีน ขนมอบ อาหารทอดซ้ำ
- ลดของหวาน น้ำตาลสูง และอาหารแปรรูป
- เพิ่มไฟเบอร์ เช่น ธัญพืชเต็มเมล็ด ผัก ผลไม้ ถั่ว ช่วยลดการดูดซึมไขมันและลดระดับ LDL
แม้ LDL ไม่ได้มาจากอาหารโดยตรง แต่สิ่งที่เรากินมีผลต่อ “การผลิต LDL ของตับ”
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- การออกกำลังกายแบบ Anti-aging หรือการออกกำลังกายที่เน้นความพอเหมาะและเพียงพอต่อการกระตุ้น “ฮอร์โมน” เพื่อการชะลอวัย เช่น การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Resistance training) เช่น สควอท, วิดพื้น, แพลงก์ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (Aerobic exercise) เช่น เดินเร็ว, วิ่งจ็อกกิง, ปั่นจักรยาน ซึ่งสามารถทำได้ที่บ้าน
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ซึ่งเปรียบเสมือน “รถเก็บขยะ” ที่ทำหน้าที่นำคอเลสเตอรอลส่วนเกินกลับไปกำจัดที่ตับ
ส่งเสริมการทำงานของ “ตับ” ให้เต็มประสิทธิภาพ
- ตับคือศูนย์กลางจัดการไขมันทั้งหมดในร่างกาย
- ดูแลระบบ ดีท็อกซ์ของตับ ให้ดี โดยเฉพาะกลูตาไธโอน (Glutathione)
- ลดการสะสมของ โฮโมซิสเทอีน (Homocysteine) ซึ่งเป็นของเสียที่กระตุ้นการอักเสบ ป้องกันทั้งโรคหัวใจและภาวะสมองเสื่อม
เสริมด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ (ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ)
งานวิจัยพบว่าสารบางชนิดอาจช่วยลด LDL ได้ เช่น
- Plant Sterols
- Niacin (วิตามิน B3)
- Berberine
- Red Yeast Rice (ข้าวแดงหมักยีสต์)
- Flaxseed (เมล็ดแฟลกซ์)
- Green Tea Extract (สารสกัดจากชาเขียว)
อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้สารอาหารเสริมควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเสมอเพื่อความเหมาะสม ปลอดภัย และป้องกันปฏิกิริยาระหว่างยาหรืออาหารเสริมอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น
สุขภาพดี เริ่มจากความเข้าใจที่ถูกต้อง
คอเลสเตอรอลไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ใช่เรื่องของ “ไขมันเลว” เพียงอย่างเดียว การเข้าใจว่า LDL คืออะไร มีบทบาทอย่างไร และปัจจัยใดบ้างที่เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ คือ ก้าวแรกของการดูแลตัวเองอย่างรอบด้าน
การตรวจสุขภาพประจำปีร่วมกับการตรวจไขมันเชิงลึก (Advanced Lipid Profile) จะช่วยให้คุณเห็นภาพสุขภาพภายในได้ชัดเจนขึ้น รู้ว่า “ความเสี่ยงของเราอยู่ตรงไหน” และทำให้เราวางแผนรับมือได้อย่างเหมาะสม
Service branches
- Praram 9 Hospital Branch
- Phone number: 092-9936922
- Line: @w9wellness
- Opening-closing hours: 08.00 – 17.00 hrs.
- Ploenchit Center branch
- Phone number: 099-4969626
- Line: @wploenchit
- Opening-closing hours: 10:00 a.m. - 7:00 p.m.
refer: NIH.gov; High Cholesterol and Natural Products, February 2024