Testosterone & Muscle Building Hormones

Testosterone & Muscle Building Hormones: The Key to Effective Exercise

หลายคนออกกำลังกายอย่างมีวินัย กินอาหารดีทุกมื้อ แต่กลับรู้สึกว่า “กล้ามไม่ขึ้น” หรือ “เหนื่อยง่ายกว่าที่คิด” ความจริงแล้วคำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่โปรแกรมฟิตเนสหรืออาหารเท่านั้น แต่คือ สมดุลของ “เทสโทสเตอโรน” และกลุ่มฮอร์โมนสร้างกล้าม (Anabolic Hormones) ที่อยู่เบื้องหลังพลังและการฟื้นตัวของร่างกายคุณ

เริ่มต้นจากพื้นฐาน สมดุลฮอร์โมน 2 ตัวที่ต้องจัดก่อนฟิต

ก่อนจะสร้างกล้ามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายต้องมี “สมดุลฮอร์โมนพื้นฐาน” ที่ดี โดยเฉพาะ 2 ตัวนี้

เทสโทสเตอโรน
  1. Cortisol : ฮอร์โมนความเครียดจากต่อมหมวกไต หากสูงหรือต่ำเกินไป ร่างกายจะเปลี่ยนโหมดจากการสร้างกล้ามเนื้อไปสู่การสลายแทน ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย หงุดหงิด และฟื้นตัวช้า
  2. Insulin : ฮอร์โมนควบคุมน้ำตาลในเลือด หากเกิดภาวะ “ดื้อต่ออินซูลิน” ร่างกายจะสะสมไขมันมากขึ้น และใช้พลังงานได้ไม่เต็มที่

เมื่อทั้งสองฮอร์โมนนี้อยู่ในสมดุล ระบบเผาผลาญและการสร้างพลังงานก็จะทำงานเต็มที่ เป็นพื้นฐานสำคัญของการออกกำลังกายที่เห็นผลจริง

เทสโทสเตอโรนคืออะไร และมีผลต่อการสร้างกล้ามเนื้ออย่างไร?

เทสโทสเตอโรน (Testosterone) เป็นฮอร์โมนหลักของเพศชาย (แต่พบในเพศหญิงด้วยเช่นกัน) มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างกล้ามเนื้อ การสังเคราะห์โปรตีน พลังงาน และแรงจูงใจในการออกกำลังกาย

จากงานวิจัยในมนุษย์ (Pasiakos et al., 2020) พบว่า ในภาวะขาดพลังงาน การให้เทสโทสเตอโรนสามารถกระตุ้นกระบวนการ mixed-muscle protein synthesis (กระบวนการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้อ) และปรับสมดุลของ muscle proteome dynamics ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการสร้างกล้ามเนื้อใหม่ (อ่านงานวิจัยฉบับเต็มที่นี่)

ขณะที่งานวิจัยก่อนหน้า (Griggs et al., 1989) ยืนยันว่า เทสโทสเตอโรนมีฤทธิ์เชิงแอนาโบลิก โดยช่วยเพิ่มอัตราการสังเคราะห์โปรตีนในกล้ามเนื้ออย่างมีนัยสำคัญ  (PubMed link)

อย่างไรก็ตาม ผลต่อการลดมวลไขมันยังต้องการหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากแต่ละการศึกษามีเงื่อนไขแตกต่างกัน เช่น ระดับพลังงาน กลุ่มอายุ และเพศของผู้เข้าทดลอง เมื่อรักษาระดับเทสโทสเตอโรนให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม ร่างกายจะตอบสนองต่อการออกกำลังกายได้ดีขึ้น มีพลังและการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งฮอร์โมนเสริม

แล้วผู้หญิงล่ะ?

แม้เทสโทสเตอโรนจะถูกเรียกว่า “ฮอร์โมนเพศชาย” แต่ในผู้หญิงก็มีเช่นกัน (แม้ในระดับต่ำกว่า) และมีผลต่อพลังงาน กล้ามเนื้อ และอารมณ์ไม่ต่างกัน เมื่อเทสโทสเตอโรนของผู้หญิงลดลงมากเกินไป อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย เผาผลาญลดลง หรือแรงจูงใจในการออกกำลังกายน้อยลงได้เช่นกัน

4 ฮอร์โมนสร้างกล้าม (Anabolic Hormones) ที่ทำงานร่วมกัน

  1. Testosterone (Testosterone) : กระตุ้นการสร้างโปรตีนในกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรง และความทนทานในการฝึก
  2. ดีเอชอีเอ (DHEA) : ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต เป็นสารตั้งต้นของเทสโทสเตอโรน ช่วยเพิ่มพลังงานและลดความเหนื่อยล้า ทำให้กล้ามฟื้นตัวเร็ว
  3. Growth Hormone : ฮอร์โมนซ่อมแซมที่หลั่งช่วงนอนหลับลึก ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหายจากการออกกำลังกาย และกระตุ้นการสลายไขมันส่วนเกิน
  4. Insulin : ลำเลียงกรดอะมิโนและกลูโคสเข้าสู่กล้ามเนื้อ เพื่อใช้ซ่อมแซมและสร้างพลังงาน

Anabolic vs Catabolic Hormones ต่างกันอย่างไร?

  • Anabolic = ฮอร์โมน “สร้าง” เช่น Testosterone, Growth Hormone, DHEA
  • Catabolic = ฮอร์โมน “สลาย” เช่น Cortisol, Glucagon, Adrenaline

การรักษาสมดุลระหว่างสองกลุ่มนี้คือหัวใจของร่างกายที่แข็งแรง

สัญญาณที่อาจบ่งบอกว่า “เทสโทสเตอโรนต่ำกว่าปกติ”

คุณอาจไม่รู้ตัวว่าฮอร์โมนของคุณไม่สมดุล หากมีอาการเหล่านี้หลายข้อร่วมกัน ควรเข้ารับการตรวจระดับฮอร์โมนกับแพทย์เฉพาะทาง

  • กล้ามเนื้อสร้างยาก แม้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • อ่อนแรง เหนื่อยง่าย หรือนอนไม่ลึก
  • น้ำหนักขึ้นง่าย โดยเฉพาะรอบเอว
  • สมาธิลดลง เครียดง่าย หรืออารมณ์ไม่คงที่
  • decreased sexual desire

การรู้จัก “สัญญาณเตือน” เหล่านี้ช่วยให้คุณดูแลร่างกายเชิงป้องกันได้เร็วขึ้น ก่อนที่ระบบฮอร์โมนจะเสียสมดุลมากเกินไป

เทสโทสเตอโรน

ใช้ฮอร์โมนเสริมไม่เท่ากับแข็งแรง

บางคนเข้าใจผิดว่า “ฉีดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน” หรือ “ใช้สารกระตุ้น GH” จะช่วยเพิ่มกล้ามได้เร็ว แต่จริง ๆ แล้ว การใช้ฮอร์โมนเสริมโดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ถือว่าเสี่ยงและผิดกฎหมายสำหรับนักกีฬา

การรักษาด้วยฮอร์โมนควรทำเฉพาะในผู้ที่มีระดับฮอร์โมนต่ำกว่ามาตรฐาน และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเสมอ เพื่อชั่งประโยชน์และความเสี่ยงรายบุคคลอย่างรอบด้าน

การฟื้นฟูสมดุลฮอร์โมนไม่ใช่การเพิ่มปริมาณ แต่คือการคืนความสมดุลให้ร่างกายกลับมาทำงานตามธรรมชาติ

วิธีเพิ่มเทสโทสเตอโรนและฮอร์โมนสร้างกล้ามแบบธรรมชาติ

  1. นอนหลับให้ลึก 6–8 ชั่วโมงต่อคืน : ช่วงเวลานอนหลับลึกคือจังหวะที่ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) และ DHEA มากที่สุด ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการซ่อมแซมและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  2. ออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิงหรือ HIIT 3–4 ครั้ง/สัปดาห์ : การออกแรงต้านช่วยกระตุ้นการหลั่งเทสโทสเตอโรนตามธรรมชาติ และช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อพร้อมลดไขมันไปในเวลาเดียวกัน
  3. รับประทานอาหารที่มีโปรตีนและไขมันดี : เช่น ปลาแซลมอน อะโวคาโด ถั่ว และน้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ร่างกายใช้ในการสร้างฮอร์โมนเพศอย่างสมดุล
  4. ลดความเครียดเรื้อรัง : เพราะเมื่อคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) สูงต่อเนื่อง จะไปยับยั้งการหลั่งเทสโทสเตอโรน ควรฝึกเทคนิคผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก (Deep Breathing) การทำสมาธิ (Mindfulness) หรือเลือกแนวทางบำบัดสมดุลอารมณ์ เช่น Bach Flower and Acupuncture (ฝังเข็ม) ซึ่งช่วยปรับสมดุลระบบประสาท ลดระดับคอร์ติซอล และส่งเสริมให้ฮอร์โมนกลับมาทำงานอย่างเป็นธรรมชาติ

เมื่อสมดุลฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยน ผลลัพธ์ก็เปลี่ยน

ผู้รับบริการวัย 38 ปี ออกกำลังกายสม่ำเสมอแต่กล้ามไม่ขึ้น และรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ หลังเข้ารับการตรวจ Complete Hormone พบว่าระดับเทสโทสเตอโรนต่ำกว่ามาตรฐานของวัย ทีมแพทย์จึงแนะนำโปรแกรมฟื้นฟูฮอร์โมน ร่วมกับการปรับโภชนาการเฉพาะบุคคล ภายใน 3 เดือน เขารู้สึกมีพลังมากขึ้น นอนหลับดีขึ้น และกลับมามีกำลังใจในการออกกำลังกายอย่างเต็มที่อีกครั้ง

นี่คือหัวใจของ W9 Wellness การดูแลลึกถึงระดับฮอร์โมนและเซลล์ เพื่อให้คุณกลับมามีพลังในแบบที่ดีที่สุดของตัวเอง

Frequently Asked Questions (FAQ)

Q: จะรู้ได้อย่างไรว่าฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ?
A:
สามารถตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมนได้ โดยแพทย์จะประเมินร่วมกับอาการและสุขภาพโดยรวม

Q: การนอนดึกส่งผลต่อเทสโทสเตอโรนไหม?
A:
มีผลมาก การนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืนทำให้ระดับเทสโทสเตอโรนลดลงได้ถึง 10–15% ในหนึ่งสัปดาห์

Q: อาหารเสริมเพิ่มเทสโทสเตอโรนช่วยได้ไหม?
A:
ส่วนใหญ่ยังไม่มีหลักฐานทางคลินิกชัดเจน แนะนำเน้นอาหารจริงและการพักผ่อนให้เพียงพอเป็นหลัก

Q: ผู้หญิงจำเป็นต้องตรวจเทสโทสเตอโรนไหม?
A:
หากมีอาการอ่อนเพลีย เผาผลาญลดลง หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง การตรวจระดับฮอร์โมนอาจช่วยให้เข้าใจสาเหตุได้ดียิ่งขึ้น

การดูแลฮอร์โมนอย่างปลอดภัยกับ W9 Wellness Center

at W9 Wellness Center เราเน้นแนวทางการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic & Preventive Approach) โดยใช้การตรวจเชิงลึกเพื่อวิเคราะห์ระดับฮอร์โมน วิตามิน และระบบการเผาผลาญ เพื่อวางแผนการดูแลเฉพาะบุคคล

เทสโทสเตอโรน

บริการที่เกี่ยวข้อง

  1. Complete Hormone (15 รายการ) : ตรวจฮอร์โมนเพศ ฮอร์โมนความเครียด ฮอร์โมนเผาผลาญ และโกรทฮอร์โมนอย่างครบถ้วน
  2. W9 Signature Vital Check-up (68 รายการ) : โปรแกรมตรวจสุขภาพองค์รวมระดับเซลล์ ครอบคลุมฮอร์โมน วิตามิน และโลหะหนัก เพื่อวิเคราะห์ต้นเหตุของความเหนื่อยล้า กล้ามไม่ขึ้น หรือออกกำลังกายไม่เห็นผล
  3. Mitochondria Booster / Personalized Vitamin IV : ช่วยเสริมพลังระดับเซลล์และสนับสนุนกระบวนการสร้างพลังงานให้สมดุล

Phramongkutklao Hospital (3rd floor, Building A)

  • Phone number: 092-9936922
  • Line: @w9wellness
  • Opening-closing hours: 08.00 – 17.00 hrs.

Written and compiled by

Doctor Bye

Dr. Pichak Wongwisit (Dr. Bai)

Anti-aging and preventative medicine physician
W9 Wellness Center

References

  • Pasiakos SM et al. (2020). Effects of Testosterone on Mixed Muscle Protein Synthesis and Proteome Dynamics During Energy Deficit in Men. PMC7258271
  • Griggs RC et al. (1989). Effect of Testosterone on Muscle Protein Synthesis in Men. PubMed 2917954
  • Bassil N et al. (2009). Testosterone therapy benefits and risks in men: a review. Ther Clin Risk Manag. 5:427–448.
  • Mayo Clinic (2023). Testosterone therapy: Potential benefits and risks.
  • Cleveland Clinic (2024). Understanding Cortisol and Its Role in Stress.

Share : 

Related articles

Vitamin D is not just for bones and teeth. but boosts the immune system (immunity) of the body

• Deficiency of many vitamins. including vitamin D deficiency Is associated with depression.

Low immunity is related to COVID-19 infection because our immune system is responsible for resisting and eliminating germs that enter the body.