คือการวางแผนการใช้ชีวิตที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล ผ่านการตรวจดีเอ็นเอเพียงครั้งเดียว การตรวจ DNA ต่างจากการตรวจสุขภาพทั่วไป เพราะเป็นการวิเคราะห์เชิงลึกถึง รหัสพันธุกรรม ของตัวเราเอง ทำให้ข้อมูลเชิงลึกถึงต้นตอของปัญหา อย่างเช่นปัญหาการลดน้ำหนัก บางคนออกกำลังกายมาทั้งชีวิตแต่น้ำหนักก็ยังเท่าเดิม การตรวจดีเอ็นเอ ช่วยให้เรารู้ว่าการลดน้ำหนักแบบไหนที่เหมาะกับตัวเรามากที่สุด เพราะบางคนอาจจะต้องลด Fat รวมถึงรูปแบบการออกำลังกาย ว่าควรออกกำลังกายในแบบไหนที่ไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ หรือนักกีฬาที่ต้องการดูศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง ก็สามารถดูได้จากการตรวจ DNA

ก็เพราะร่างกายแต่ละคน ตอบสนองต่อสารอาหารแต่ละชนิดแตกต่างกัน การตรวจพันธุกรรม จะช่วยทำให้เรารู้ว่าร่างกายของเรา ตอบสนองอาหารแต่ละชนิดเป็นอย่างไรบ้าง เช่น เมื่อตรวจแล้วพบว่าร่างกายของเรามีความไวต่อการบริโภค คาร์โบไฮเดรตสูง นั่นหมายความว่า ร่างกายจะย่อยและดูดซึมคาร์โบไฮเดรตอย่างไม่มีประสิทธิภาพ หรือใช้เวลานานกว่าปกติ เกิดจากการที่อินซูลินในเลือดทำงานได้ไม่ดี (Insulin resistance) ร่างกายจึงมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน หลังรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรต หากเราไม่ควบคุมการรับประทานคาร์โบไฮเดรตให้ดี ก็จะทำให้เราอ้วนได้ง่ายกว่าคนอื่น ถ้าเป็นมาก อาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อ โรคเบาหวาน ได้

เพราะยีนเป็นตัวกำหนดคความแปรผันทางพันธุกรรมของร่างกาย เช่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ความยืดหยุ่น และการลดน้ำหนักและภาวะน้ำหนักเกิน ยิ่งในนักกีฬาจะทำให้คุณรู้จักร่างกายของตัวเองดีขึ้น DNA จะช่วยกำหนดแนวทางการออกกำลังกายที่เหมาะสมแต่ละบุคคล ทำให้รู้จุดแข็งและจุดอ่อนของร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงการบาดเจ็บได้ และยังบอกได้ด้วยว่าบุคคลนั้นเหมาะกับการเล่นกีฬาหรือการฝึกซ้อมแบบไหน รวมถึงการเสริมวิตามินหรืออาหารเสริมสำหรับนักกีฬาแต่ละคนได้อีกด้วย

เพราะร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน การที่เราออกกำลังกายมากกว่าคนอื่นแต่น้ำหนักไม่เคยลดเลย แท้จริงแล้วยีนของเราอาจไม่ได้เหมาะกับการออกกำลังกายแบบนั้น ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการลดน้ำหนักทางพันธุกรรมมีดังนี้

1.   ภาวะน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วน (Obesity)

เกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การขาดการออกกำลังกาย วิถีชีวิตที่ส่งเสริมภาวะอ้วน รวมถึงปัจจัยพันธุกรรมบางอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกิน

“ถ้าเรารู้ว่าพื้นฐานร่างกายของเราเป็นอย่างไร
เราก็จะวางแผนดูแลตัวเองได้ดีมากยิ่งขึ้น”

•  รู้ถึงความไวต่ออาหารที่มีผลต่อสุขภาพ
•  รู้ถึงสารอาหารที่ร่างกายต้องการว่าเพียงพอหรือไม่
• รู้ถึงความสามารถในการออกกำลังกาย และการเผาผลาญ
•  รู้ถึงปัญหาผิวพรรณว่ามีความไวต่อสิ่งต่างๆ มากน้อยแค่ไหน
• รู้ถึงความไวต่อมลภาวะต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
• รู้ถึงระดับความเครียด และภาวะทางอารมณ์รวมถึงการนอนหลับ
• รู้ถึงสุขภาวะทางเพศในด้านต่างๆ