ฮอร์โมนวัย 40+

ฮอร์โมนวัย 40+ ไม่สมดุล เข้าใจ Perimenopause และวิธีดูแลสุขภาพ

ผู้หญิงหลายคนเมื่อก้าวเข้าสู่วัยเลข 4 มักเริ่มสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม แม้ยังไม่ถึงวัยทอง แต่กลับมีอาการร้อนวูบวาบ นอนหลับไม่สนิท อารมณ์แปรปรวน หรือประจำเดือนผิดปกติ ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณของ “ฮอร์โมนไม่สมดุล” ที่พบได้บ่อยในช่วงวัยนี้ หนังสือ Hormone Repair Manual ของคุณหมอ Lara Briden, ND ได้เรียกภาวะนี้ว่า “Second Puberty” หรือวัยว้าวุ่นรอบสอง เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายเข้าสู่ ภาวะก่อนวัยทอง (Perimenopause) ที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน คล้ายการเข้าสู่วัยรุ่นอีกครั้ง การทำความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงนี้จึงสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลสุขภาพ ฮอร์โมนวัย 40+ ให้แข็งแรงและมั่นใจต่อไป

ฮอร์โมนวัย 40+

Perimenopause คืออะไร?

Perimenopause หรือ ภาวะก่อนวัยทอง คือช่วงเวลาที่ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนจนกว่าจะเข้าสู่วัยทองจริง (menopause) ซึ่งหมายถึงการที่ประจำเดือนหมดติดต่อกันอย่างน้อย 12 เดือน

โดยปกติ Perimenopause มักเริ่มในผู้หญิงวัย 40+ และสามารถกินเวลาหลายปี ระหว่างนี้ร่างกายจะเจอ “ฮอร์โมนเหวี่ยง” โดยเฉพาะเอสโตรเจนที่ขึ้นลงไม่แน่นอน และโปรเจสเตอโรนที่ลดต่ำลง จนทำให้เกิด ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ส่งผลต่ออารมณ์ การนอนหลับ และน้ำหนักตัว

ความแตกต่างระหว่าง Perimenopause และ Menopause

เรื่องที่ต่างกันPerimenopause (ก่อนวัยทอง)Menopause (วัยทอง)
ประจำเดือนเริ่มมาไม่สม่ำเสมอ บางเดือนขาด หรือ มามากและถี่กว่าปกติขาดติดต่อกัน ≥12 เดือน
ฮอร์โมนเอสโตรเจนขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่นอน โปรเจสเตอโรนต่ำไม่สมดุลเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนต่ำถาวร
อาการร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน นอนไม่ดีร้อนวูบวาบ เหงื่อกลางคืน ช่องคลอดแห้ง กระดูกพรุน
ความเสี่ยงสุขภาพเสี่ยงจากความผันผวนของฮอร์โมน อาการ ไมเกรน นอนไม่หลับ ซึมเศร้าเสี่ยงจากการขาดฮอร์โมนระยะยาว เช่น โรคหัวใจ กระดูกพรุน สมองเสื่อม
ระยะเวลาหลายปีก่อนหมดประจำเดือนเริ่มเมื่อหมดประจำเดือนและคงอยู่ตลอดไป

อาการที่พบบ่อยในผู้หญิงวัย 40+

หากคุณมีอาการอย่างน้อย 3 ใน 9 ข้อนี้ อาจเป็นสัญญาณว่าเข้าสู่ Perimenopause แล้ว

  1. ประจำเดือนมามากขึ้นหรือยาวนานกว่าปกติ
  2. รอบเดือนสั้นลง (< 25 วัน)
  3. ปวดประจำเดือน
  4. เจ็บเต้านม บวม หรือมีก้อน
  5. นอนหลับไม่ลึก ตื่นกลางดึก
  6. เหงื่อออกกลางคืน โดยเฉพาะก่อนมีประจำเดือน
  7. ปวดหัวไมเกรนช่วงมีประจำเดือน
  8. อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ หงุดหงิดง่าย
  9. น้ำหนักขึ้นโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการกินหรือการออกกำลังกาย

“ประมาณ 20% ของผู้หญิง มีอาการเด่นชัดในช่วง ภาวะก่อนวัยทอง (Perimenopause)”

ทำไมฮอร์โมนถึงไม่สมดุล?

ช่วงวัยนี้รังไข่เริ่มทำงานไม่สม่ำเสมอ ทำให้ โปรเจสเตอโรนต่ำลง แต่เอสโตรเจนยังคงแกว่งสูง จนเกิดอาการคล้าย “นั่งรถไฟเหาะ” หรือ Estrogen Roller Coaster

หลายอาการไม่ได้เกิดจาก “เอสโตรเจนต่ำ” อย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ แต่เกิดจาก ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล ระหว่างโปรเจสเตอโรนที่ลดลงกับเอสโตรเจนที่เหวี่ยงสูง

ฮอร์โมนวัย 40+

กลไกของฮอร์โมนในช่วงก่อนวัยทอง

ในช่วง Perimenopause การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนไม่ได้เกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เอสโตรเจนซึ่งหลายคนคิดว่าจะค่อย ๆ ลดลงจริง ๆ แล้วกลับ ขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างไม่แน่นอน คล้ายกับการนั่งรถไฟเหาะ ขณะเดียวกัน โปรเจสเตอโรนกลับลดต่ำลง เนื่องจากรังไข่เริ่มทำงานไม่สม่ำเสมอ

ภาวะนี้เรียกว่า Progesterone Deficiency หรือการขาดฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ทำให้สมดุลระหว่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนเสียไป ส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่ผู้หญิงวัย 40+ มักเจอ เช่น ร้อนวูบวาบ นอนไม่ลึก อารมณ์แปรปรวน หรือปวดศีรษะ

ดังนั้น หลายอาการในช่วงก่อนวัยทอง ไม่ได้เกิดจากการที่เอสโตรเจนต่ำลง อย่างเดียว แต่เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนทั้งสองชนิดร่วมกัน

ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ถูกสร้างขึ้นจาก Corpus luteum หรือที่เรียกว่า เปลือกไข่ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากไข่ถูกปล่อยออกมาจากรังไข่ ฮอร์โมนตัวนี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของร่างกาย ควบคุมรอบเดือน และเตรียมมดลูกสำหรับการตั้งครรภ์

ฮอร์โมนวัย 40+

Progesterone สร้างจากเปลือกไข่ (Corpus luteum) หลังจากที่มีการตกไข่แล้ว

จะรู้ได้อย่างไรว่าเข้าสู่ภาวะก่อนวัยทอง (Perimenopause)?

หลายคนอาจสงสัยว่าอาการที่เกิดขึ้น เช่น ร้อนวูบวาบ นอนไม่หลับ หรืออารมณ์แปรปรวน มาจากความเครียด หรือเป็นเพราะกำลังเข้าสู่ Perimenopause กันแน่ วิธีที่ช่วยยืนยันได้คือ การตรวจระดับฮอร์โมนร่วมกับการประเมินอาการโดยแพทย์

การตรวจที่มักใช้ ได้แก่

  • เอสโตรเจน (Estradiol)
  • โปรเจสเตอโรน (Progesterone)
  • FSH และ LH (ฮอร์โมนกระตุ้นการทำงานของรังไข่)

ผลตรวจที่พบได้บ่อยคือ เอสโตรเจนยังสูงและแกว่ง, โปรเจสเตอโรนลดลง, หรือ ค่า FSH สูงขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าร่างกายกำลังเข้าสู่ภาวะก่อนวัยทอง การตรวจยังช่วยแยกโรคอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกัน เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ หรือ ภาวะโลหิตจาง (ซีด) ได้อีกด้วย

วิธีรับมือกับฮอร์โมนที่แปรปรวนในช่วงก่อนวัยทอง

การดูแลร่างกายอย่างถูกวิธีสามารถช่วยลดอาการจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนได้ แนวทางสำคัญ ได้แก่

  • เพิ่มระดับโปรเจสเตอโรนตามธรรมชาติเช่น การใช้ bioidentical progesterone ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • สนับสนุนการตกไข่ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและโภชนาการให้สมดุล
  • ช่วยขับเอสโตรเจนส่วนเกินโดยส่งเสริมการทำงานของตับ ผ่านการรับประทานผักใบเขียว บรอกโคลี ผักที่มีกำมะถัน (เช่น กระเทียม กระถิน สะตอ) และเพิ่มไฟเบอร์วันละอย่างน้อย 25 กรัม
  • ควบคุมน้ำหนักและลดไขมันช่องท้องเพื่อปรับสมดุลของฮอร์โมนและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
  • ลดภาวะอักเสบเรื้อรังโดยหลีกเลี่ยงน้ำตาล แป้งขัดขาว และแอลกอฮอล์ พร้อมเสริมอาหารที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ เช่น ขมิ้นชัน น้ำมันปลา และผักผลไม้หลากสี

การปรับวิถีชีวิตเพื่อคืนสมดุลฮอร์โมน

การดูแลสุขภาพประจำวันสามารถช่วยลดความแปรปรวนของฮอร์โมน และเสริมให้ร่างกายทำงานเป็นจังหวะที่สมดุลมากขึ้น วิธีที่ควรทำ ได้แก่

  • พักผ่อนให้เพียงพอการนอนวันละ 7–8 ชั่วโมงช่วยให้เมลาโทนิน คอร์ติซอล และฮอร์โมนเพศทำงานได้ตามวงจรธรรมชาติ
  • จัดการความเครียดใช้โยคะ การนวด หรือการทำสมาธิ เพื่อผ่อนคลาย เพิ่มสารเอ็นดอร์ฟิน และช่วยให้หลับลึกขึ้น
  • ลดแอลกอฮอล์การงดหรือลดปริมาณการดื่ม ช่วยให้ตับทำงานได้เต็มที่ และลดภาวะอักเสบในร่างกาย
  • เลือกอาหารที่ดีต่อฮอร์โมนเน้นอาหารต้านการอักเสบ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ปลา และน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ พร้อมทั้งลดอาหารแปรรูปและน้ำตาลให้น้อยที่สุด
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทั้งแอโรบิก เวทเทรนนิ่ง และการยืดเหยียด จะช่วยปรับสมดุลอินซูลิน เสริมกล้ามเนื้อและกระดูก ลดระดับคอร์ติซอล และทำให้นอนหลับดีขึ้น
  • ให้เวลากับตัวเองทำกิจกรรมที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือใช้เวลากับคนที่รัก เพื่อเติมพลังใจและลดความเครียดในแต่ละวัน

สารอาหารและตัวช่วยเสริมเพื่อสมดุล ฮอร์โมนวัย 40+

นอกจากการพักผ่อน ออกกำลังกาย และโภชนาการที่ดีแล้ว สารอาหารและสมุนไพรบางชนิดก็มีส่วนช่วยบรรเทาอาการและสนับสนุนสมดุลฮอร์โมนได้ ได้แก่

  • Magnesium Glycinate → ช่วยลดความเครียด ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
  • Taurine → ส่งเสริมการทำงานของสมอง ลดความวิตกกังวล และบำรุงหัวใจ
  • Vitamin B6 (P5P) → ลดอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) และช่วยปรับสมดุลเมื่อมีภาวะเอสโตรเจนเด่น
  • Ashwagandha → สมุนไพร adaptogen ที่ช่วยลดความเครียดและส่งเสริมคุณภาพการนอน
  • Fish Oil (Omega-3) → ลดการอักเสบ ปรับสมดุลไขมันในเลือด และบำรุงทั้งหัวใจและสมอง
  • Vitamin D3 + K2 → เสริมความแข็งแรงของกระดูก เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยงหลอดเลือดแข็ง
  • Probiotics → ปรับสมดุลลำไส้ ลดการอักเสบ และช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
  • Micronized Progesterone → ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในรูปแบบที่ดูดซึมได้ดี มีส่วนช่วยลดอาการร้อนวูบวาบและปรับสมดุลฮอร์โมนโดยรวม

คำแนะนำจากแพทย์

“ผู้หญิงวัย 40+ ไม่ได้หมายความว่าร่างกายเริ่มเสื่อม แต่เป็นช่วงที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงและต้องการการดูแลเฉพาะตัว การตรวจฮอร์โมนและปรับพฤติกรรมตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณยังคงมีพลังงาน นอนหลับดี และใช้ชีวิตอย่างมั่นใจ”

นพ.เฉลิมพล อินณชิต (หมอโหน่ง), W9 Wellness Center

ภาวะ Perimenopause คือช่วงเปลี่ยนผ่านที่ผู้หญิงวัย 40+ หลายคนเผชิญโดยไม่ทันตั้งตัว เกิดจากเอสโตรเจนที่ยังแกว่งสูง ขณะที่โปรเจสเตอโรนลดต่ำลง จนทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ทั้งร่างกายและอารมณ์ หากเข้าใจกลไกเหล่านี้และเริ่มดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการปรับวิถีชีวิต เลือกโภชนาการที่ดี เสริมสารอาหารที่จำเป็น หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเมื่อมีความจำเป็น จะช่วยให้ผู้หญิงก้าวผ่านช่วงนี้ได้อย่างมั่นใจ พร้อมสร้างรากฐานของ สุขภาพวัย 40+ ที่แข็งแรงและสมดุล

สาขาที่ให้บริการ

  • สาขา โรงพยาบาลพระรามเก้า
    • เบอร์โทรศัพท์: 092-9936922
    • Line: @w9wellness
    • เวลาเปิด-ปิด: 08.00 – 17.00 น.
  • สาขา เพลินจิตเซ็นเตอร์
    • เบอร์โทรศัพท์: 099-4969626
    • Line: @wploenchit
    • เวลาเปิด-ปิด: 10.00 – 19.00 น.

เขียนและเรียบเรียงโดย

นพ.เฉลิมพล อินณชิต (หมอโหน่ง)

แพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและเวชศาสตร์ป้องกัน
W9 Wellness Center

Share : 

บทความที่เกี่ยวข้อง

วิธีเลือก Probiotics กินอย่างไรให้ตอบโจทย์สุขภาพมากที่สุด ช่วงนี้หลายคนน่าจะได้ยินคำว่า “Probiotics”

วิตามินดี ไม่ใช่แค่เรื่องกระดูกและฟัน แต่ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน (ภูมิต้านทาน) ของร่างกาย

การนอนหลับช่วยซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ดีขึ้น แต่การ นอนไม่พอ ก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้า