Search
Close this search box.
Alzheimer

อัลไซเมอร์ รู้ก่อน ป้องกันได้ (Functional Medicine approach for Alzheimer’s Prevention)

โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อม ของการทำงาน (Functional) และโครงสร้าง (Structural) ของเนื้อเยื่อสมอง ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ

“ ไม่ใช่ความเสื่อมตามธรรมชาติ เพราะผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องเป็นอัลไซเมอร์ทุกคน ”

แต่เป็นความเสื่อมที่เกิดจากของเสีย (Toxic Protein) ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Beta-Amyloid หรือหลายชนิด สะสมคั่งค้างในสมอง และไปทำลายเซลล์สมอง ทำให้เนื้อสมองฝ่อ ทำให้สารสื่อประสาท Acetylcholine ที่มีผลโดยตรงต่อความทรงจำ (Memory) ลดลง ทำให้เซลล์สมองเสียหาย และทำให้เกิดอาการสมองเสื่อม (Dementia)

80% ของภาวะสมองเสื่อมยังรักษาไม่หายขาด
อีก 
20% มีสาเหตุที่สามารถรักษาหายได้ เช่น ขาดวิตามินบี 12

50% ของกลุ่มที่รักษาไม่หาย เกิดจาก โรคอัลไซเมอร์
อีก 
50% เป็นโรคอื่นที่มีลักษณะคล้ายอัลไซเมอร์

โดยจะค่อยๆ เริ่มจากสมองส่วน Hippocampus ที่มีบทบาทในการจดจำข้อมูลใหม่ๆ (ความจำระยะสั้น) จากนั้นจะแพร่กระจายไปยังสมองส่วนอื่นๆ ส่งผลต่อการเรียนรู้ ความรู้สึกนึกคิด ภาษา และพฤติกรรม โดยระยะเวลาทั้งหมดตั้งแต่แรกวินิจฉัยจนเสียชีวิตโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 8-10 ปี

ในยุคปัจจุบัน อัตราการเกิดโรคอัลไซเมอร์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นในคนที่อายุเฉลี่ยน้อยลง ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ตั้งแต่ระยะกลางเป็นต้นไป ต้องการการพึ่งพาของสมาชิกในครอบครัวสูงมาก ถือเป็นปัญหาสังคม

“ เนื่องจากโรคอัลไซเมอร์ สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ และปัจจัยทางพันธุกรรม อาจมีผลมากถึง 80% ”

การตรวจพันธุกรรม (Single Nucleotide Polymorphism) จึงมีความสำคัญ การตรวจ Apolipoprotein E (AopE) สามารถใช้ทำนายความเสี่ยง (1) ก่อนจะมีอาการ (predictive testing) ในสมาชิกครอบครัวของผู้ป่วย อัลไซเมอร์ เพื่อประเมินระดับความเสี่ยง เพื่อวางแผนการป้องกัน เฝ้าระวัง ความถี่ในการตรวจคัดกรอง และปรับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวได้อย่าง เหมาะสมมากขึ้น

นอกจากปัจจัยทางด้านพันธุกรรมแล้ว การสะสมของสารที่เป็นพิษต่อสมอง เช่น ปรอท อลูมิเนียม แอมโมเนีย (2) หรือความผิดปกติในระบบขับของเสียในสมอง (Brain Detoxification) หรือแม้แต่ภาวะขาดวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินดี (3) (Vitamin D deficiency) ในระยะยาว ก็อาจเป็นปัจจัยร่วม ในการก่อโรคสมองเสื่อมได้เช่นกัน

คำแนะนำเบื้องต้นเพื่อห่างไกลจากอัลไซเมอร์ก็คือ ฝึกสมองให้ได้คิดบ่อยๆ ผ่านการอ่านหนังสือ การเรียนรู้สิ่งใหม่ หัดประกอบหรือใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ หรือเล่นเกมส์ก็ได้ มองโลกในแง่ดี ทำจิตใจให้มีความสุขในทุกวัน ฝึกจิต ทำสมาธิ ปล่อยวางเรื่องเครียด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และดูแลสุขภาพไม่ให้ป่วย ไม่ปล่อยให้เป็นโรคอ้วน

สมดุลสารอาหาร (Nutritional balance) มีงานวิจัยมากขึ้นในเชิงป้องกัน ทั้งโปรแกรมอาหาร MIND diet ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันโรคสมองเสื่อม โดยเน้นให้ทานถั่ว ธัญพืช ผักสดหลากสี ผลไม้จำพวกเบอร์รี่ ไข่และปลา และหลีกเลี่ยงการรับประทานทานอาหารแปรรูป (Processed food) หรือเพิ่มการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นฉุน ซึ่งทำให้สมองสร้างสาร Hydrogen Sulfide หรือสารไข่เน่า ในปริมาณสูง จะช่วยเร่งการขับสารพิษออกจากสมอง พบว่าช่วยป้องกันความเสียหายต่อเซลล์สมอง (Neuroprotective effect) และอาจลดความเสี่ยง ต่อโรคอัลไซเมอร์ได้ (4)

ทาง Functional Medicine จึงได้มีการตรวจสมดุลเชิงลึก ซึ่งสามารถที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ระดับการอักเสบเรื้อรังในสมอง (Chronic Brain Inflammation) ผ่านการตรวจกรดอินทรย์ในปัสสาวะ (Organic Acid Testing) และตรวจระดับโลหะหนักสะสม (Toxic Heavy Metals) สำหรับคัดกรองในคนที่สนใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีประวัติในครอบครัวใกล้ชิด เพื่อวางแผนการปรับสมดุล เพื่อป้องกันโรค (Prevention) หรือแม้แต่ช่วยร่วมรักษาโรค (Complementary Treatment) เพื่อลดความรุนแรงและการดำเนินโรคได้

References:

1.Apolipoprotein E and oxidative stress in brain with relevance to Alzheimer’s disease. Neurobiol Dis. (2020)
2.A Hypothesis and Evidence that Mercury may be an etiological factor in Alzheimer’s disease. Int J. Environ Res Public Health (2019)
3.Vitamin D and the risk of dementia and Alzheimer Disease. American Academy of Neurology (2014)
4.A diet rich in taurine, cysteine, folate, B12 and betaine may lessen risk for Alzheimer’s disease by boosting brain synthesis of hydrogen sulfide. Med Hypothesis (2019)

Share : 

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคมะเร็งเต้านม คือสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของผู้หญิงไทย โดยในช่วงชีวิตของผู้หญิงไทย 1 ใน 10 คน จะมีโอกาสเป็น “โรคมะเร็งเต้านม” และมีผู้หญิงไทยตายด้วยโรคมะเร็งเต้มนมเฉลี่ยวันละ 12 คน แต่หากได้รับการตรวจเช็กและรักษา แต่หากได้รับการตรวจเช็กและรักษาในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นจะมีโอกาสรักษาให้กลับมาปกติได้สูง ซึ่งเราสามารถทำการตรวจคัดกรอง มะเร็งเต้านม ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้วินิจฉัยและสามารถรักษาได้ทันท่วงที รู้จักและเข้าใจ มะเร็งเต้านม ขึ้นชื่อว่ามะเร็งพอใครได้ยินก็มีความกลัวกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ มะเร็งเต้านม ในผู้หญิงที่ถือเป็นภัยเงียบที่พบได้มากที่สุด โดยมะเร็งเต้านมนั้นเกิดจากเซลล์ของเต้านมที่มีการแบ่งตัวอย่างผิดปกติ เหนือการควบคุมของร่างกายและเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็ง ส่วนใหญ่มักเกิดที่ภายในท่อน้ำนม และสามารถกระจายออกจากท่อน้ำนม ไปที่ต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้และอวัยวะอื่นๆ ที่ไกลออกไป ฮอร์โมนเพศหญิงมีความสัมพันธ์กับมะเร็งเต้านม แม้ว่าโรคมะเร็งเต้านมยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่ามีสาเหตุมาจากอะไร แต่ฮอร์โมนเพศหญิงเองก็มีความสัมพันธ์ในการเกิดมะเร็งเต้านมได้เหมือนกัน ผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้ชายถึง 100 เท่า ช่วงเวลาในการมีประจำเดือน โดยพบว่าผู้ที่มีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุน้อย หรือหมดประจำเดือนช้า มีความเสี่ยงมากขึ้นในการเกิดมะเร็งเต้านม ผู้หญิงที่ไม่เคยมีบุตรหรือตั้งครรภ์ครั้งแรก เมื่ออายุมากกว่า 30 ปี มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมมากกว่าคนที่ตั้งครรภ์เมื่ออายุยังน้อย ผู้หญิงที่ใช้ยาคุมกำเนิดมากกว่า 5 ปี หรือได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทนหลังหมดประจำเดือนเป็นระยะเวลานานกว่า 2 ปี จะเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมมากขึ้น ใครมีความเสี่ยงสูงในการเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้หญิงทั่วไป […]

รู้หรือไม่ มะเร็ง ถือเป็นสาเหตุการสูญเสียอันดับ 1 ของคนไทย

มีคนไข้หลายคนเข้ามาปรึกษาหมอว่า ทำไมบางครั้ง กินโพรไบโอติกส์ แล้วไม่เห็นผล เพราะเห็นโฆษณาว่าช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น ช่วยเรื่องลดน้ำหนัก และยังช่วยเรื่องภูมิแพ้ แต่กินไปแล้วกลับกลายเป็นว่าไม่ช่วยอะไรเลย หมอต้องบอกก่อนว่า เราต้องอย่าลืมว่าโพรไบโอติกส์มันมีชีวิต และโพรไบโอติกส์ไม่ใช่ยา ดังนั้นเราจึงไม่สามารถควบคุมอาการมันได้ทุกอย่างได้ มันจึงมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง หนึ่งในนั้นก็คือ ชนิด และจำนวนของโพรไบโอติกส์ที่ต้องรีบประทาน วันนี้หมอมีคำแนะนำว่าจริงๆ แล้ว เราควร กินโพรไบโอติกส์ตอนไหน กันแน่ถึงจะเห็นผล เราควรเลือก กินโพรไบโอติกส์ตอนไหน ถึงจะเห็นผล? ก็ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วในการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของโพรไบโอติกส์ในปัจจุบันมีค่อนข้างมากเลย แล้วส่วนใหญ่ก็จะพบว่า มีประโยชน์กับร่างกายของเราจริงๆ เพียงแต่ว่าเราต้องไม่ลืมว่า พอพูดถึงจุลินทรีย์มันมีหลากหลาย หลายพัน หลายหมื่น หลายแสนล้านชนิดอยู่ในร่างกาย มีชนิดย่อยๆ เต็มไปหมดเลย ทุกวันนี้เรายังศึกษาได้แค่บางส่วน มันก็จะมีเชื้อจำนวนนึงที่อยู่ในลิสต์ว่ามันเป็นเชื้อที่ดี ในเชื้อแต่ละตัวเองก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป มีคุณสมบัติที่คาบเกี่ยวกันไป เพราะฉะนั้นการจะเลือกโพรไบโอติกส์กับปัญหานึงเนี่ย จริงๆ หมอมองว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย บางทีมันไม่อาจจะสามารถใช้เชื้อรวมๆ เหมือนว่าเอา 10 ตัวนี้มาแล้วมาใช้กับทุกสภาวะได้ เพราะว่าในแต่ละคนเองก็มีความหลากหลายของชนิดเชื้อที่แตกต่างกันอีกเหมือนกัน การกินโพรไบโอติกส์ที่มากเกินไป หรือว่าชนิดที่อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับเรา บางทีอาจจะนำมาสู่การเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร หรือว่าทำให้โพรไบโอติกส์ในท้องของเรา จากที่มันดีอยู่แล้วกลับแย่ลงด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้ว การกินโพรไบโอติกส์ให้เหมาะสมกับบุคคล […]

thThai