ค้นหา
ปิดช่องค้นหานี้

Work From Home ยังไง ให้ Productive กับสุขภาพ

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยนะคะ ที่เราทุกคน สามารถช่วยชาติ ช่วยเศรษฐกิจโลกได้โดยแค่อยู่บ้าน Work From Home ออกไปข้างนอกเท่าที่จำเป็น พูดง่ายแต่ทำยากใช่มั้ยคะ เมื่อก่อน เราโหยหาวันหยุดกันมาก คิดไว้แล้วว่า ถ้าได้หยุดจะทำอะไรบ้าง และในวันนี้ ทุกคนได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ค่ะ

ข้อแรก การทำงานจากที่บ้าน เราไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ดังนั้น เราจะมีเวลาช่วงเช้ามากขึ้น
ข้อสอง เวลาหลังเลิกงานเราไม่ได้เสียเวลาเดินทางกลับ ไม่ต้องเครียดกับการจราจรที่ติดขัด

เวลาที่เรามีเพิ่มขึ้น เอามาทำอะไรดีๆ ให้กับตัวเองดีกว่าค่ะ หมอมีไอเดียที่จะทำให้วันว่างๆ ของทุกคน กลายเป็นวัน Productive Health ของเราค่ะ

1. Clean ตู้เย็น

เพราะสุขภาพดีเริ่มต้นที่ลำไส้ ดังนั้น อาหารที่เรารับประทาน จึงเป็นสิ่งสำคัญสุดค่ะ

ตรวจสอบและทำความสะอาดอาหารในตู้เย็น ว่าอะไรยังทานได้บ้าง อะไรที่หมดอายุแล้ว เราจะได้รู้ว่า เรามีพื้นที่เก็บอาหารเท่าไหร่ และจะวางแผนว่าควรจะซื้ออาหารอะไรเพิ่มดี

2. ทำสวน ปลูกต้นไม้ที่ระเบียง

ใครที่อยู่บ้าน ก็ได้โอกาสออกมาทำสวน จัดแต่งสวน ตัดต้นไม้ ดอกไม้ ได้ออกมาชื่นชมสวนที่เราไม่มีเวลาได้ดูแล ส่วนใครที่อยู่คอนโด ก็ได้เวลาจัดการระเบียงคอนโดของเราค่ะ ต้นไม้ที่เคยปลูก เอาออกมารับแสงแดด นอกจากเราจะได้ผ่อนคลายจากการทำสวนแล้ว ยังช่วยให้เราได้เคลื่อนไหวร่างกาย ไม่อยู่เฉยๆ บางคน แทบไม่ต้องออกกำลังกายเลยค่ะ ทำสวนก็ได้เหงื่อแถมยังได้รับ วิตามิน D เพิ่ม จากแสงแดดธรรมชาติอีกด้วยค่ะ

3. ทำกับข้าวกินเอง

รู้มั้ยคะว่า มีการศึกษาวิจัยแบบจริงจังเลยว่า ยิ่งจำนวนครั้งที่เราทำกับข้าวกินเอง ปรุงเองมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลต่อการลดน้ำหนัก ลดไขมันในร่างกายเราได้มากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากเราพบว่า ถ้าเราทำอาหารเอง เราจะยิ่งทานผักมากขึ้น ทานผลไม้สดมากขึ้น ลดการใช้ผงชูรส (อ่านงานวิจัยอ้างอิง) ดังนั้น วันหยุดนี้ ได้โอกาสในการดูแลตัวเองด้วยการใช้อาหารเป็นยาค่ะ ลองทำดูนะคะ เราจะได้รสชาติของเราเองพร้อมทั้งสุขภาพค่ะ

4. Fasting

การอดอาหาร อย่างน้อย 16-18 ชม. ซึ่งได้รับความนิยมมากในหมู่คนดังทั่วโลกค่ะ หลักการก็คือ การที่ให้ร่างกายได้พักระบบการย่อยอาหาร ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ทำให้ร่างกายได้พักเพื่อกระตุ้นกระบวนการดีท็อกซ์ (ขับของเสียและสารพิษ) ระดับเซลล์ ยิ่งเราอยู่บ้านว่างๆ ระหว่างอดอาหาร เราก็จะได้เตรียมอาหารในมื้อแรกหลังจากอดอาหารได้อีกด้วยค่ะ

5. Plank

ในเวลานี้ที่เราออกไปไหนไม่ได้ เราสามารถออกกำลังกายที่บ้านได้ง่ายๆ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ค่ะ

การทำ Plank ให้ถูกวิธีมีวิดีโอคลิป ใน Youtube มากมายค่ะ เป็นการออกกำลังกาย ช่วงแกนกลางลำตัว วันละ 1-2 นาที แต่ได้ประโยชน์มาก ทั้งเรื่อง กระตุ้นฮอร์โมนต่อมหมวกไต สร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวให้แข็งแรง กระตุ้นการเผาผลาญ และสำหรับบางคนที่มีอาการปวดหลัง ก็จะทำให้อาการดีขึ้นด้วยค่ะ

“เห็นมั้ยคะ แค่เวลาว่างที่อยู่บ้านก็ทำอะไรเพื่อร่างกายได้เยอะเลย เราเหนื่อยกับการใช้ชีวิตเร่งรีบในเมืองกันมานาน ใช้เวลาช่วงนี้ดูแลตัวคุณและคนที่คุณรักให้เต็มที่ เชื่อหมอนะคะ”

Share : 

บทความที่เกี่ยวข้อง

หาไม่ได้บนโลกใบนี้ค่ะ คือคุณจะไปหากินที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่แม่มอบให้กับลูก เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายจากร่างกายของเราเอง มอบไปสู่ลูก “กินโพรไบโอติกส์ ตอนไหนให้เห็นผล” จุลินทรีย์กับความเป็นแม่ สำหรับแม้ว จุลินทรีย์กับความเป็นแม่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้วเริ่มต้นจากตอนที่ท้องลูกสาว แม้วเป็นคนกลัวเจ็บมากที่สุดบนโลกใบนี้ ตอนที่รู้ว่าท้องเนี่ย บอกคุณหมอว่า ทำยังไงก็ได้นะคะที่ไม่ให้เจ็บ จะบล็อคหลัง ฉีดยาอะไรให้เราคลอด โดยที่เราไม่รู้สึกเจ็บเลย แต่คุณหมอบอกว่าการคลอดธรรมชาติเนี่ย มันจะมีจุลินทรีย์ที่ดีมากๆ เลย ที่เราจะมอบให้ลูก ซึ่งเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เราจะให้ลูกก่อนที่เค้าจะออกมาบนโลกใบนี้ค่ะ นอกจากที่จุลินทรีย์ตอนคลอดแล้วก็ยังมีจุลินทรีย์ในน้ำนมแม่ ซึ่งมีส่วนสำคัญมากสำหรับลูกของเรานะคะ คือแม้วให้นมแม่กับลูก 5 ปีเต็ม (ร้อยเปอร์เซ็นต์) แล้วลูกสาวก็เป็นเด็กที่แข็งแรงมากๆ เลยค่ะ สิ่งที่สามที่แม้วโฟกัสหลังจากนั้นก็คือ โภชนาการ หลังจากเค้าเริ่มอาหารเสริม คือโภชนาการเนี่ยมันจะควบคู่กันระหว่าง Educational กับ Lifestyle น้ำตาลเนี่ยคือศัตรูตัวร้ายฉกาจสุดๆ สำหรับจุลินทรีย์เลย เพราะมนุษย์เรามีอวัยวะ 32 ครบ แต่ใน 32 นั้นเนี่ย มันก็สอดแทรกด้วยจุลินทรีย์ทั้งหมดเนี่ย 90% เพราะฉะนั้นก็ค่อยๆ สอดแทรกให้เค้าไป ให้เค้าเรียนรู้จากการที่เราทำให้เค้าดูค่ะ แล้วก็อีกอย่างคือแม้วจะเลือกทำอาหารที่สด เราจะไม่ให้เค้าทานพวกอาหารแปรรูปทั้งหลายแหล่ เพราะว่ากว่าจะออกมาเป็นอาหารแปรรูปได้ขนาดนี้ มันก็ต้องผ่านกระบวนการเยอะ […]

จะกินแต่ขนมห่อ ขนมเค้ก ขนมปัง ไอศกรีม ก็รู้สึกเกรงใจร่างกายนิดนึง

โรคเริมกับงูสวัด เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส กลุ่มที่เรียกว่า ไวรัสเฮอร์ปีส์ (Herpes simplex) แม้ว่าจะเป็นคนละชนิดกัน แต่ก็อยู่ในกลุ่มเชื้อตัวเดียวกัน โดยอาการของโรคเริมจะเป็นตุ่มใส แตกหรือไม่แตกก็ได้ มีอาการค่อนข้างปวดแสบปวดร้อน จะขึ้นบ่อยๆ ที่ริมฝีปาก เนื้อเยื่อข้างในปาก หรือว่าอวัยวะเพศ ส่วนโรคงูสวัดจะเป็นตามตัว สามารถเป็นได้ทั้งร่างกายเลย ทั้งที่หน้า จมูก ตา แขน หลัง ไหล่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแค่ข้างเดียว จะมีลัษณะเป็นปื้นยาวๆ แต่ที่เป็นลักษณะแบบนั้น ส่วนนึงเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มันเข้าไปที่ปลายประสาท หรือเส้นประสาท มันก็เลยมีลักษณะออกไปเป็นแบบยาวๆ ในปัจจุบันมีทางเลือกในการ รักษาโรคเริม กับงูสวัด ด้วยโอโซนบำบัด อย่างที่เรารู้ว่ากันว่าเชื้อเริมหรืองูสวัด รักษาค่อนข้างยาก แล้วอยู่กับเราค่อนข้างนาน บางคนติดเชื้อมาอาจจะไม่มีอาการไปหลายปีเลยก็ได้ แล้ววันดีคืนดีที่เราแบบเครียดมาก นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ภูมิต้านทานตก อาการดังกล่าวก็แบบโผล่ขึ้นมา กับอีกบางคนเป็นบ่อย การที่เป็นบ่อยๆ แสดงว่าภูมิต้านทานไม่ค่อยดี อันนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่บอกว่าร่างกายเราภูมิต้านทานเริ่มตก เพราะว่าเราเป็นเริมบ่อย ถือว่าสุขภาพเราเริ่มแย่ เป็นการสะท้อนระบบภูมิต้านทานของเราจากภายใน แนวทางการป้องกันการติดเชื้อไวรัส การป้องกันการเกิดอาการ หรือการเกิดโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสทุกชนิด รวมถึงไวรัสเฮอร์ปีส์ด้วย คือที่เราต้องทำให้ระบบภูมิต้านทานของเราดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ซึ่งแนวทางการปฏิบัติตัวเบื้องต้น […]