ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอยู่กับฝุ่นและมลภาวะกันมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้สุขภาพของใครหลายคนเริ่มมีปัญหา โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ที่ไม่ได้เป็นเฉพาะในคนที่มีพันธุกรรมเท่านั้น แต่สิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษเยอะๆ ก็ส่งให้เราเป็น ภูมิแพ้ ได้เหมือนกัน

โรคภูมิแพ้ (Allergy) เป็นอาการที่เกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อแอนติเจนบางชนิดที่รุนแรง และก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เช่น การแพ้สารเคมี ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ อากาศ หรือแม้แต่อาหารที่รับประทานเป็นประจำ ซึ่งโรคนี้จัดเป็นโรคที่พบบ่อยมากที่สุดในประเทศไทย เรียกได้ว่ามีประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศเลยทีเดียวที่พบเจอปัญหาโรคภูมิแพ้นี้

สาเหตุของการเกิดโรค ภูมิแพ้

ภูมิแพ้เกิดจากร่างกายของเรามีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไรฝุ่น รังแคของสุนัขและแมว เกสรดอกหญ้า ส่งผลให้ร่างกายเกิดการอักเสบโดยแสดงออกไดด้วยอาการคันบริเวณนัยน์ตา น้ำมูกไหล หรืออุจาระร่วง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่องทางการเข้าสู่ร่างกายของสารก่อภูมิแพ้

ในบางรายที่มีอาการภูมิแพ้มากๆ แบบเฉียบพลันที่เรียกว่า Anaphylactic shock ที่สามารถทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้

1. ปัจจัยทางด้านพันธุกรรม ถ้าพ่อหรือแม่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ ลูกก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคภูมิแพ้ด้วยเช่นกัน โดยมีโอกาสเป็นประมาณ 30 – 50% แต่หากเป็นโรคภูมิแพ้กันทั้งพ่อและแม่ ลูกที่เกิดมาก็จะมีโอกาสเป็นมากขึ้นประมาณ 50 – 70% ในขณะที่เด็กที่พ่อแม่ที่ไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้เลยจะมีโอกาสเป็นอยู่ที่ 10% เท่านั้น และเด็กผู้ชายจะเป็นมากกว่าเด็กผู้หญิง

เด็กที่มีพ่อแม่เป็นภูมิแพ้จะมีแนวโน้มที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้และกลายเป็นการแพ้และการอักเสบเกิดขึ้น โรคภูมิแพ้โรคหืด และผิวหนังอักเสบชนิด Atopic เป็นโรคเรื้อรังที่พบมากสุดในเด็ก

2. ปัจจัยที่สองคือด้านสิ่งแวดล้อม ถึงแม้ว่าพ่อแม่เราจะไม่เป็นภูมิแพ้ และเราก็ไม่ได้เป็นภูมิแพ้มาโดยกำเนิด แต่เราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีฝุ่นละออง ควันเยอะๆ ก็ทำให้เราเป็นภูมิแพ้จากสิ่งแวดล้อมได้ ไม่ว่าจะเป็นการสูดดม การรับประทาน หรือการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งสารก่อภูมิแพ้บางอย่างก็สังเกตได้ง่าย เช่น อาหาร โดยเฉพาะอาหารทะเลที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่มีคนแพ้มากที่สุด

อาการของโรคภูมิแพ้

อาการของภูมิแพ้จะเกิดบริเวณที่เราเป็นภูมิแพ้ เช่น ลมพิษตามผิวหนัง คัดจมูก ไอจาม น้ำตาไหล คันตา ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน แต่หากรู้ตัวว่าแพ้อะไรเราต้องหลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ และการเสริมโพรไบโอติกส์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการลดภาวะ ภูมิแพ้ ได้

โพรไบโอติกส์ช่วยป้องกันโรค ภูมิแพ้

โพรไบโอติกส์นอกจากจะมีสรรพคุณที่ดีต่อระบบทางเดินอาหารและลำไส้แล้ว ยังช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ในเด็กได้อีกด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่า Probiotics เป็นแบคทีเรียที่สำคัญในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง โดยการลดความสามารถของสารก่อภูมิแพ้ในการเข้าสู่กระแสเลือดหรือระบบไหลเวียนเลือด

แต่เมื่อใดที่ร่างกายเสียสมดุลระหว่างจุลินทรีย์ชนิดดีและชนิดร้าย ก็จะทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ไม่ดี การตรวจจุลินทรีย์ เพื่อเสริมโพรไบโอติกส์เฉพาะบุคคล จึงเป็นทางเลือกที่ดี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยลดการอักเสบต่างๆ ในร่างกาย และทำให้ภูมิแพ้ดีขึ้น

“มีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่าโปรไบโอติกมีส่วนสำคัญในการช่วยลด “ภูมิแพ้ผิวหนัง” ในเด็กเล็กได้อย่างมาก โดยมีการทดลองโดยใช้แบคทีเรียชนิด Lactobacillus GG ให้กับเด็กอายุ 2 ขวบ พบว่าลดการเกิดภาวะผื่นแพ้ได้ร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับ รวมถึงภูมิแพ้อาหารเช่นเดียวกัน”

เพื่อป้องกันโรคภูมิแพ้ สำหรับเด็กอายุ 1 – 2 ขวบ ไม่จำเป็นต้องให้ลูกรับประทานนมเสริม Probiotics แต่เป็นคุณแม่ที่รับประทานแทน โดย Probiotics จะถูกถ่ายถอดจากคุณแม่สู่ลูกน้อยผ่านน้ำนมที่คุณแม่ให้ลูกดื่ม หรือในกรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์อยู่ ก็สามารถรับประทานได้เลย ทารกก็จะได้รับ Probiotics เข้าไปส่วนหนึ่งตั้งแต่อยู่ในครรภ์คุณแม่ เมื่อคลอดออกมาก็จะมีภูมิต้านทานโรคภูมิแพ้มากกว่าเด็กที่คุณแม่ไม่ได้รับประทาน Probiotics ทั้งยังช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ได้อีกทางหนึ่งด้วย

ที่มา : http://medinfo.psu.ac.th/smj2/smj24_4/pdf24_4/07utai.pdf

เราสามารถสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ดีขึ้นได้ด้วยการดูแลสุขภาพ เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากนี้การรับประทานโพรไบโอติกส์เฉพาะบุคคลก็ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้เช่นเดียวกัน

ใครบ้างที่ควรตรวจ แพ็กเกจลดอาการภูมิแพ้ และแพ้อาหาร (ALLERGY AND SKIN TESTING PANEL)

ตรวจหาความเสี่ยง และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพดังนี้

• ภูมิแพ้จมูกอักเสบ จาม น้ำมูกไหล
• ภูมิแพ้ผิวหนัง ผื่น สิว ฯลฯ
• หอบหืด
• แพ้อาหาร

เหมาะสำหรับใคร?

• ผู้ที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป
• ผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้ต่างๆ
• ผู้ที่ต้องการปรับปรุงสุขภาพผิว
• ผู้ที่ต้องการชะลอวัย
• ผู้ที่ชอบทานอาหารหวาน มัน เนื้อแดง อาหารแปรรูปเป็นประจำ

“เพราะเซลส์ 90% ในร่างกายคือเซลส์ของจุลินทรีย์ และจุลินทรีย์ในร่างกายแต่ละคนแตกต่างกัน อยากมีสุขภาพดี ควรเสริมโพรไบโอติกส์ที่ตรงกับร่างกายตัวเองมากที่สุด”