ค้นหา
ปิดช่องค้นหานี้
มะเร็งทางเลือก

NK เพชฌฆาตฆ่ามะเร็ง ทางเลือกใหม่ของผู้ป่วยมะเร็ง

รู้หรือไม่ มะเร็ง ถือเป็นสาเหตุการสูญเสียอันดับ 1 ของคนไทย สูงกว่าอัตราการสูญเสียจากอุบัติเหตุและโรคหัวใจเฉลี่ย 2 ถึง 3 เท่า อีกทั้งการรักษามะเร็งด้วย “คีโม” ก็ยังส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการข้างเคียงจากยาเคมีบำบัดขณะรักษา แต่รู้หรือไม่ว่า ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันมีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นและมีหลากหลายทางเลือกในการรักษามะเร็ง เช่น NK Therapy เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษา ที่ไม่ใช้เคมี

Natural killer ทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างไร?

NK Cells

“เซลล์เพชฌฆาต” เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทําหน้าที่ในการตรวจสอบและทําลายสิ่งแปลกปลอมที่เกิดขึ้นในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แบคทีเรีย หรือเซลล์มะเร็ง เพราะโดยปกติแล้ว Natural killer จะเข้าไปจัดการทำลายทันที โดยไม่ต้องผ่านการจดจำลักษณะหรือนึกว่าเคยเจอสิ่งนั้นมาก่อนหรือไม่ และยังสามารถแยกแยะระหว่างเซลล์ปกติกับเซลล์ที่ผิดปกติได้ จึงทำให้ Natural killer cells มีความสามารถในการทำลายเซลล์มะเร็งได้สูงกว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวอื่นๆ ถึง 100 เท่า

จากการศึกษาพบว่าจำนวนของเม็ดเลือดขาว Natural killer จะลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับอุบัติการณ์ของมะเร็งที่เพิ่มมากขึ้นตามอายุ

โรคที่ใช้ Natural killer ร่วมกับวิธีการรักษาในปัจจุบัน

กลุ่มมะเร็ง

  •  มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)
  •  มะเร็งเนื้อเยื่อระบบประสาท (Neuroblastoma)
  • มะเร็งรังไข่ (Ovarian Cancer)
  • มะเร็งเนื้อเต้านม (Breast Cancer (HER-2+ve))

กลุ่มที่ไม่ใช่มะเร็ง

  •  ติดเชื้อไวรัส (Viral Infectioon)
  •  เบาหวานชนิดที่ 1 (Type l Diabetes)

NK Cells

ในทางการแพทย์พบว่า การลดลงของจำนวน Natural killer cells (NK Count) ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งเรียกว่า NK Activity ที่มีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งหลายชนิด ทั้งมะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งบริเวณศรีษะและลำคอ มะเร็งเต้านม เป็นต้น

ผู้ป่วยที่มีความบกพร่องใน Natural killer หรือ จำนวน Natural killer ในเลือดต่ำ มีความเสี่ยงสูงมากที่จะทำให้เกิดมะเร็ง เนื่องจาก Natural killer เป็นด่านแรก ในการตรวจจับ และฆ่าเซลล์มะเร็งก่อนที่เซลล์มะเร็งจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น จนกระทั่งควบคุมไม่ได้ในที่สุด

5 เทคนิคเพิ่มปริมาณ Natural killer ในร่างกาย

  1. รับประทานอาหารให้เป็นเวลา ครบ 5 หมู่ และมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะผักใบเขียว เนื้อสัตว์ และนมถั่วเหลือง
  2.  งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  4. นอนพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 7 ชม./วัน อีกทั้งพยายามให้จิตใจผ่อนคลาย ไม่เครียด
  5. รับประทานอาหารเสริมที่ช่วยเพิ่มการทำงานของ Natural killer แต่ต้องเลือกที่มีการรับรองจากหน่วยงานที่ได้มาตรฐานทั้งในและต่างประเทศ และมีผลการวิจัยหรือผลการทดลองแล้วว่าใช้ได้จริง

NK Cells

แม้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะก้าวหน้าและพัฒนาไปมาก แต่เราทุกคนก็ต้องไม่ลืมดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารที่มีประโยชย์ การออกกำลังกาย การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันกลับมาแข็งแรงต่อสู้กับโรคมะเร็งได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว

Share : 

บทความที่เกี่ยวข้อง

Zinc หรือ แร่ธาตุสังกะสี ถือเป็นสารอาหารที่เป็น พระเอก

จากสถิติปี 2563 พบมะเร็งปากมดลูกในสตรีไทยเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม

มีคนไข้หลายคนเข้ามาปรึกษาหมอว่า ทำไมบางครั้ง กินโพรไบโอติกส์ แล้วไม่เห็นผล เพราะเห็นโฆษณาว่าช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น ช่วยเรื่องลดน้ำหนัก และยังช่วยเรื่องภูมิแพ้ แต่กินไปแล้วกลับกลายเป็นว่าไม่ช่วยอะไรเลย หมอต้องบอกก่อนว่า เราต้องอย่าลืมว่าโพรไบโอติกส์มันมีชีวิต และโพรไบโอติกส์ไม่ใช่ยา ดังนั้นเราจึงไม่สามารถควบคุมอาการมันได้ทุกอย่างได้ มันจึงมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง หนึ่งในนั้นก็คือ ชนิด และจำนวนของโพรไบโอติกส์ที่ต้องรีบประทาน วันนี้หมอมีคำแนะนำว่าจริงๆ แล้ว เราควร กินโพรไบโอติกส์ตอนไหน กันแน่ถึงจะเห็นผล เราควรเลือก กินโพรไบโอติกส์ตอนไหน ถึงจะเห็นผล? ก็ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วในการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของโพรไบโอติกส์ในปัจจุบันมีค่อนข้างมากเลย แล้วส่วนใหญ่ก็จะพบว่า มีประโยชน์กับร่างกายของเราจริงๆ เพียงแต่ว่าเราต้องไม่ลืมว่า พอพูดถึงจุลินทรีย์มันมีหลากหลาย หลายพัน หลายหมื่น หลายแสนล้านชนิดอยู่ในร่างกาย มีชนิดย่อยๆ เต็มไปหมดเลย ทุกวันนี้เรายังศึกษาได้แค่บางส่วน มันก็จะมีเชื้อจำนวนนึงที่อยู่ในลิสต์ว่ามันเป็นเชื้อที่ดี ในเชื้อแต่ละตัวเองก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป มีคุณสมบัติที่คาบเกี่ยวกันไป เพราะฉะนั้นการจะเลือกโพรไบโอติกส์กับปัญหานึงเนี่ย จริงๆ หมอมองว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย บางทีมันไม่อาจจะสามารถใช้เชื้อรวมๆ เหมือนว่าเอา 10 ตัวนี้มาแล้วมาใช้กับทุกสภาวะได้ เพราะว่าในแต่ละคนเองก็มีความหลากหลายของชนิดเชื้อที่แตกต่างกันอีกเหมือนกัน การกินโพรไบโอติกส์ที่มากเกินไป หรือว่าชนิดที่อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับเรา บางทีอาจจะนำมาสู่การเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร หรือว่าทำให้โพรไบโอติกส์ในท้องของเรา จากที่มันดีอยู่แล้วกลับแย่ลงด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้ว การกินโพรไบโอติกส์ให้เหมาะสมกับบุคคล […]