โพรไบโอติกส์

ไขความลับจุลินทรีย์ตัวจิ๋ว พลิกสมดุลสุขภาพให้ดีขึ้นจากภายใน

โพรไบโอติกคือ อะไร?

เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนดูสุขภาพดี ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ ไม่ค่อยป่วย และยังดูอารมณ์ดีอยู่เสมอ? คำตอบอาจอยู่ “ในลำไส้ของเราเอง” เพราะที่นั่นคือบ้านของจุลินทรีย์กว่า 100 ล้านล้านตัว โดยเฉพาะ “โพรไบโอติกส์” (Probiotics) จุลินทรีย์มีชีวิตที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่เหมือน “ทหารฝ่ายดี” คอยปกป้องและปรับสมดุลสุขภาพจากภายใน

ที่ W9 Wellness Center เราเชื่อว่าสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากลำไส้ที่สมดุล วันนี้เราจะพาคุณทำความรู้จัก โพรไบโอติก (probiotic) หรือสะกดว่า โปรไบโอติกส์ อย่างลึกซึ้ง ทั้งประโยชน์ งานวิจัยใหม่ และวิธีเลือกให้เหมาะกับสุขภาพของคุณ

ทำไม โพรไบโอติกส์ จึงสำคัญต่อสุขภาพ?

ในลำไส้ของเรามีจุลินทรีย์อยู่ทั้งชนิดที่ดีและไม่ดี หากจุลินทรีย์ดีมีจำนวนน้อยลงจนเสียสมดุล หรือ แบคทีเรียไม่ดีเจริญเติบโตมากเกินไป (ภาวะ Dysbiosis) จะส่งผลต่อหลายระบบในร่างกาย เช่น

  • ระบบย่อยอาหาร (ท้องอืด ท้องผูก ลำไส้แปรปรวน)
  • ระบบภูมิคุ้มกัน (ภูมิตก เป็นหวัดบ่อย)
  • ผิวพรรณ (สิว ผื่นอักเสบ)
  • ฮอร์โมนและอารมณ์ (หงุดหงิด เครียด นอนไม่ดี)
  • การเผาผลาญ (Metabolism)

ปัจจัยที่ทำลายจุลินทรีย์ดีในชีวิตประจำวัน ได้แก่

  • ความเครียดสะสม
  • การรับประทานอาหารแปรรูปหรือน้ำตาลสูง
  • การใช้ยาปฏิชีวนะบ่อย
  • การพักผ่อนไม่พอ สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์
  • สารแทนความหวาน
  • อาหารที่ผักไฟเบอร์น้อย และปริมาณเนื้อแดงสูง

หากคุณมีอาการเหล่านี้บ่อยครั้ง การเติม “โพรไบโอติกส์คุณภาพดี” คือกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูสมดุลลำไส้ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

ประโยชน์ของโพรไบโอติกส์ (Probiotic Benefits) มากกว่าแค่เรื่องขับถ่าย

งานวิจัยทางการแพทย์จาก ฐานข้อมูล PubMed ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐ (NIH) และแนวทางของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า โพรไบโอติกส์มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพองค์รวมในหลายด้าน ดังนี้

โพรไบโอติกส์

1. สุขภาพลำไส้ (Gut Health)

ช่วยย่อยอาหาร สร้างเอนไซม์ที่จำเป็น ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูก ท้องเสีย และอาการลำไส้แปรปรวน (IBS)

2. ระบบภูมิคุ้มกัน (Immunity)

กว่า 70% ของเซลล์ภูมิคุ้มกันอยู่ในลำไส้ โพรไบโอติกส์ช่วยเสริมการทำงานของภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบในร่างกาย

3. สมดุลฮอร์โมน (Hormone Balance)

จุลินทรีย์ดีช่วยขับฮอร์โมนส่วนเกิน เช่น เอสโตรเจน และคอร์ติซอล ช่วยให้ระบบฮอร์โมนทำงานสมดุล

4. การเผาผลาญพลังงาน (Metabolism)

โพรไบโอติกส์บางสายพันธุ์ เช่น Lactobacillus gasseri และ Bifidobacterium breve ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญไขมันและน้ำตาล เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของร่างกาย และอาจช่วยลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน

5. คุณภาพการนอน (Sleep Quality)

โพรไบโอติกส์ช่วยเพิ่มระดับ เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของ เมลาโทนิน (Melatonin) ที่ช่วยให้นอนหลับได้ดี

6. สุขภาพอารมณ์และสมอง (Gut–Brain Axis)

โพรไบโอติกส์บางสายพันธุ์ เช่น Lactobacillus helveticus และ Bifidobacterium longum มีส่วนช่วยลดภาวะเครียดและอาการซึมเศร้า

งานวิจัยล่าสุด (2024–2025) กับผลของโพรไบโอติกส์ต่อภูมิคุ้มกัน

มีการศึกษาใหม่ในปี 2025 หลายฉบับที่ยืนยันว่าโพรไบโอติกส์มีบทบาทสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เช่น

  • ผลการทบทวนข้อมูลในปี 2025 ระบุว่า โพรไบโอติกส์ช่วยควบคุมการทำงานของภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ (อ้างอิง: PubMed ID 40528248 – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/40528248/)
  • การศึกษาอีกฉบับพบว่า สายพันธุ์ Limosilactobacillus reuteri สามารถปรับสมดุลของเซลล์ภูมิคุ้มกัน T-cell และลดโอกาสการเกิดโรคจากภาวะอักเสบเรื้อรังได้ (อ้างอิง: PubMed ID 39825615 – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/39825615/)
  • นอกจากนี้ งานวิจัยเชิงสรุปจากหลายสถาบันชี้ว่า การรับประทานโพรไบโอติกช่วยเพิ่มระดับแอนติบอดีและลดโอกาสติดเชื้อทางเดินหายใจ (อ้างอิง: PubMed ID 39834364 – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/39834364/)

โพรไบโอติกส์ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ผ่านกลไกการลดสารอักเสบ (IL-6, TNF-α) และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันชนิดดี

โพรไบโอติกส์ vs พรีไบโอติกส์ ต่างกันอย่างไร?

คุณสมบัติโพรไบโอติกส์ (Probiotic)พรีไบโอติกส์ (Prebiotic)
คืออะไรจุลินทรีย์ดีที่มีชีวิตใยอาหารที่เป็นอาหารของจุลินทรีย์ดี
หน้าที่เพิ่มจำนวนประชากรจุลินทรีย์ดีช่วยให้จุลินทรีย์ดีเติบโต
แหล่งที่พบโยเกิร์ต, กิมจิ, คอมบูชะ, อาหารเสริมกระเทียม, หัวหอม, กล้วย, หน่อไม้ฝรั่ง

เมื่อรับประทานทั้งสองชนิดร่วมกัน เรียกว่า Synbiotic ซึ่งช่วยให้ระบบนิเวศในลำไส้แข็งแรงที่สุด

วิธีเลือกโพรไบโอติกที่เหมาะกับคุณ

  1. ระบุปัญหาสุขภาพ: เช่น ลำไส้แปรปรวน ภูมิคุ้มกันอ่อน หรือเครียดนอนยาก
  2. ดูชื่อสายพันธุ์ (Strain): เช่น Lactobacillus rhamnosus GG หรือ Bifidobacterium lactis
  3. ตรวจจำนวนเชื้อ (CFU): ควรมีหลายพันล้าน CFU เพื่อให้ได้ผลจริง
  4. ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ: เพื่อให้มั่นใจว่าเลือกชนิดที่เหมาะกับคุณ

บริการตรวจสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ (Gut Microbiome DNA Test)

เพราะสุขภาพดีเริ่มต้นที่ “ลำไส้ที่สมดุล” ที่ W9 Wellness Center เรามีบริการ ตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้เฉพาะบุคคล (Gut Microbiome DNA Test) เพื่อวิเคราะห์สมดุลของจุลินทรีย์ดีและจุลินทรีย์ไม่ดีในร่างกายอย่างละเอียด ช่วยให้เข้าใจต้นเหตุของปัญหาสุขภาพ เช่น ภูมิคุ้มกันต่ำ ภาวะลำไส้แปรปรวน ผิวแพ้ง่าย หรืออารมณ์แปรปรวน

ผลตรวจช่วยให้คุณเข้าใจมากกว่าแค่สุขภาพลำไส้

  • วิเคราะห์สัดส่วนจุลินทรีย์ดีและจุลินทรีย์ก่อโรค
  • ประเมินความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ (NCDs) เช่น เบาหวาน ความดัน หรือโรคอ้วน
  • ตรวจหาสารพิษและภาวะอักเสบในลำไส้
  • ประเมินความเกี่ยวข้องระหว่างจุลินทรีย์กับภูมิแพ้ ผิวหนัง และระบบฮอร์โมน

Personalized Probiotics Program

ผลตรวจจะถูกนำไปใช้ในการออกแบบ การเสริมโพรไบโอติกเฉพาะบุคคล (Personalized Probiotics) เพื่อปรับสมดุลลำไส้ ฟื้นระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหาร และสมดุลฮอร์โมน
ช่วยให้สุขภาพแข็งแรงจากภายในอย่างยั่งยืน

ครอบคลุม 3 Panels สำคัญ

1.Obesity and Metabolic Syndrome Panel : ประเมินความเสี่ยงของโรคอ้วน เบาหวาน และระบบเผาผลาญ

      2.Gastrointestinal Toxin Testing Panel : ตรวจหาสารพิษในลำไส้และภาวะอักเสบในระบบทางเดินอาหาร

        3.Allergy and Skin Testing Panel : ประเมินจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับผิวแพ้ง่าย สิว และภูมิแพ้

        อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ โปรแกรม Gut Microbiome DNA Test

          โพรไบโอติกส์

          เหมาะสำหรับใคร

          • ผู้ที่มีปัญหาท้องอืด ท้องผูก หรือระบบย่อยอาหารไม่ปกติ
          • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือเป็นภูมิแพ้บ่อย
          • ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย สิว ผื่น หรือปัญหาผิวอักเสบ
          • ผู้ที่มีความเครียดหรือนอนหลับไม่ดี
          • ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเชิงป้องกัน

          โพรไบโอติกกับการลดความเครียดและปรับอารมณ์ในยุคปัจจุบัน

          โพรไบโอติกไม่ได้มีดีแค่เรื่องลำไส้ แต่ยังสัมพันธ์กับ “สมองและอารมณ์” ผ่านกลไกที่เรียกว่า Gut–Brain Axis

          • ผลการศึกษาในวารสาร Nature ปี 2025 พบว่า การรับประทานโพรไบโอติกต่อเนื่องช่วยลดระดับความเครียดและอารมณ์ลบในผู้ใหญ่ที่ทำงานภายใต้แรงกดดันสูง (อ้างอิง: Nature, 2025)
          • อีกงานวิจัยจากฐานข้อมูล PMC ปี 2025 พบว่า โพรไบโอติกสามารถลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) และช่วยเพิ่มระดับสารเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับความสุขและการผ่อนคลาย (อ้างอิง: PMC, 2025)

          โพรไบโอติกช่วยปรับอารมณ์ให้สมดุลขึ้นได้ โดยลดสารอักเสบในสมองและเสริมการสื่อสารของสารสื่อประสาทสำคัญ เช่น GABA และ serotonin

          บทบาทโพรไบโอติกในการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ

          งานวิจัยในปี 2025 พบว่า โพรไบโอติกสามารถส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับได้จริง

          • การวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายการศึกษาพบว่า ผู้ที่รับประทานโพรไบโอติกมีคุณภาพการนอนดีขึ้น โดยคะแนนการนอนหลับ (PSQI) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (อ้างอิง: PubMed, 2025)
          • อีกงานวิจัยในปี 2024 ยืนยันว่า โพรไบโอติกช่วยให้นอนหลับลึก ลดเวลาการหลับที่ถูกรบกวน และช่วยให้สมองผ่อนคลาย (อ้างอิง: ScienceDirect, 2024)

          ลำไส้ที่สมดุลช่วยให้สมองหลั่งเมลาโทนินได้ดีขึ้น ส่งผลให้นอนหลับลึกและตื่นมาสดชื่นกว่าเดิม

          โพรไบโอติกกับเทรนด์สุขภาพยุค Post-COVID และ Work From Home

          หลังยุคโควิด หลายคนมีปัญหาภูมิคุ้มกันแปรปรวนจากความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งมีผลต่อสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้โดยตรง

          • งานวิจัยในปี 2025 พบว่า การเสริมโพรไบโอติกหรือซินไบโอติก (Probiotic + Prebiotic) สามารถช่วยฟื้นฟูสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้และลดการอักเสบในผู้ที่เคยติดเชื้อ COVID-19 หรือภาวะ Long COVID (อ้างอิง: PubMed 2025 – https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/40717478/)
          • อีกการศึกษาชี้ว่า โพรไบโอติกบางสายพันธุ์มีคุณสมบัติลดสารก่อการอักเสบ TNF-α และ IL-1β ได้จริงในระดับเซลล์ (อ้างอิง: PMC 2025 – https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC12112972/)

          โพรไบโอติกจึงมีบทบาทสำคัญในยุคหลังโควิด ช่วยทั้งเสริมภูมิคุ้มกัน ลดอาการอักเสบ และปรับสมดุลสุขภาพของผู้ที่ต้องทำงานแบบ Work From Home

          โพรไบโอติกที่เหมาะกับผู้หญิงวัยทำงาน

          ผู้หญิงวัยทำงานที่มีฮอร์โมนแปรปรวนหรืออาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) สามารถได้รับประโยชน์จากโพรไบโอติกส์บางสายพันธุ์ เช่น

          • Lactobacillus gasseri: ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโตรเจน
          • Bifidobacterium breve: ช่วยลดอาการบวมน้ำและอารมณ์หงุดหงิดก่อนมีประจำเดือน

          คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

          Q: ทานโยเกิร์ตทุกวันจำเป็นต้องเสริมไหม?
          A: โยเกิร์ตเป็นแหล่งโพรไบโอติกส์ที่ดี แต่ปริมาณเชื้อและความหลากหลายไม่แน่นอน การเสริมอาหารเสริมช่วยให้ได้เชื้อครบและเพียงพอ

          Q: มีผลข้างเคียงไหม?
          A: ในช่วงแรกอาจท้องอืดหรือมีแก๊สเพิ่มขึ้น แต่จะดีขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์ หากอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์

          เลือกโพรไบโอติกที่ใช่ เพื่อสุขภาพดีจากภายใน

          สุขภาพดีเริ่มต้นที่ “ลำไส้ที่สมดุล” ทั้งโพรไบโอติกส์และการตรวจ Gut Microbiome DNA ช่วยเสริมกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้คุณเข้าใจร่างกายในระดับลึก และปรับสมดุลได้ตรงจุด

          ให้ทีมแพทย์ W9 Wellness Center ช่วยวิเคราะห์และออกแบบแนวทางดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลสำหรับคุณ

          โรงพยาบาลพระรามเก้า (ชั้น 3 อาคาร A)

          • เบอร์โทรศัพท์: 092-9936922
          • Line: @w9wellness
          • เวลาเปิด-ปิด: 08.00 – 17.00 น.

          เขียนและเรียบเรียงโดย

          นพ.กฤศ ธิติรังสี (หมอนำ)

          แพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและเวชศาสตร์ป้องกัน
          W9 Wellness Center

          แหล่งอ้างอิง (References)

          Share : 

          บทความที่เกี่ยวข้อง

          ผู้หญิงหลายคนเมื่อก้าวเข้าสู่วัยเลข 4 มักเริ่มสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ไม่เหมือนเดิม แม้ยังไม่ถึงวัยทอง แต่กลับมีอาการร้อนวูบวาบ

          สาวๆ ทุกคนล้วนอยากมีผิวสวย ใส ไร้ริ้วรอย แต่มลภาวะเดี๋ยวนี้ทั้งแดด

          สาเหตุที่คนไทย ขาดวิตามินดี? ในสมัยก่อน คนไทยเราไม่ค่อยพบปัญหาของการ ขาดวิตามินดี