โรคเริมกับงูสวัด เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส กลุ่มที่เรียกว่า ไวรัสเฮอร์ปีส์ (Herpes simplex) แม้ว่าจะเป็นคนละชนิดกัน แต่ก็อยู่ในกลุ่มเชื้อตัวเดียวกัน โดยอาการของโรคเริมจะเป็นตุ่มใส แตกหรือไม่แตกก็ได้ มีอาการค่อนข้างปวดแสบปวดร้อน จะขึ้นบ่อยๆ ที่ริมฝีปาก เนื้อเยื่อข้างในปาก หรือว่าอวัยวะเพศ ส่วนโรคงูสวัดจะเป็นตามตัว สามารถเป็นได้ทั้งร่างกายเลย ทั้งที่หน้า จมูก ตา แขน หลัง ไหล่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแค่ข้างเดียว จะมีลัษณะเป็นปื้นยาวๆ แต่ที่เป็นลักษณะแบบนั้น ส่วนนึงเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มันเข้าไปที่ปลายประสาท หรือเส้นประสาท มันก็เลยมีลักษณะออกไปเป็นแบบยาวๆ ในปัจจุบันมีทางเลือกในการ รักษาโรคเริม กับงูสวัด ด้วยโอโซนบำบัด
อย่างที่เรารู้ว่ากันว่าเชื้อเริมหรืองูสวัด รักษาค่อนข้างยาก แล้วอยู่กับเราค่อนข้างนาน บางคนติดเชื้อมาอาจจะไม่มีอาการไปหลายปีเลยก็ได้ แล้ววันดีคืนดีที่เราแบบเครียดมาก นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ภูมิต้านทานตก อาการดังกล่าวก็แบบโผล่ขึ้นมา กับอีกบางคนเป็นบ่อย การที่เป็นบ่อยๆ แสดงว่าภูมิต้านทานไม่ค่อยดี อันนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่บอกว่าร่างกายเราภูมิต้านทานเริ่มตก เพราะว่าเราเป็นเริมบ่อย ถือว่าสุขภาพเราเริ่มแย่ เป็นการสะท้อนระบบภูมิต้านทานของเราจากภายใน
แนวทางการป้องกันการติดเชื้อไวรัส
การป้องกันการเกิดอาการ หรือการเกิดโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสทุกชนิด รวมถึงไวรัสเฮอร์ปีส์ด้วย คือที่เราต้องทำให้ระบบภูมิต้านทานของเราดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ซึ่งแนวทางการปฏิบัติตัวเบื้องต้น คือ
- การจัดการไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ทั้งเรื่องของการดูแลเรื่องอาหาร ปรับอาหารให้ดีขึ้น กินอาหารให้หลากหลาย เพื่อฟื้นฟูระบบภูมิต้านทาน เน้นผักผลไม้เป็นหลัก
- ออกกำลังกาย การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นฮอร์โมน กระตุ้นระบบภูมิต้านทาน ให้ทำงานดีขึ้น แข็งแรงขึ้น
- การจัดการความเครียด ความเครียดเรื้อรังก็ทำให้ภูมิต้านทานตก ส่งผลให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น
- การนอนหลับ ใส่ใจเรื่องคุณภาพการนอนหลับ ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
อันนี้ก็จะเป็นการปฏิบัติตัวเบื้องต้น ที่จะช่วยฟื้นฟูระบบภูมิต้านทานให้แข็งแรงขึ้น
การป้องกันและ รักษาโรคเริม งูสวัด ในทางเวลเนส
โอโซนบำบัด เริ่มมีงานวิจัยมากขึ้นในการรักษาหรือการป้องกัน โรคเริม โรคงูสวัด หรือแม้แต่ไวรัสทุกชนิดเลย ทั้งการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ , COVID, Post-COVID เนื่องจากโอโซนบำบัดมีประสิทธิภาพที่ดีมากในการฆ่าเชื้อ หรือการจัดการเชื้อ
อย่างที่เราทราบก็คือ การรักษามาตรฐานของการรักษาพวกเชื้อไวรัสจะไม่มียาฆ่าเชื้อ ที่เป็นแบบฆ่าไปได้หมดสิ้น จะมีแค่ยาต้าน คือต้านเชื้อไวรัสไม่ให้มันเพิ่มจำนวน แล้วก็ลดจำนวนให้เราควบคุมเองได้ แต่โอโซนบำบัดถือว่าเป็นการรักษานึงเลยที่มีจุดเด่นในการฆ่าเชื้อไวรัสในร่างกาย
กลไกของโอโซนในการฆ่าเชื้อไวรัส
- การฆ่าเชื้อไวรัสโดยตรง เรียกว่า Oxidative stress เป็นการสร้าง Oxidizers กับเชื้อโรคโดยตรง
- กระตุ้นเอนไซม์ (Enzyme) ช่วยในกระบวนการจัดการพวกเชื้อโรค กับการทำงานของเม็ดเลือดขาวในร่างกายของเรา ออกฤทธิ์คล้ายๆ เป็นกลูตาไธโอน (glutathione) เลย กระตุ้นเอนไซม์ต่างๆ ที่ช่วยในกระบวนการป้องกันเซลล์ หรือกระบวนการทำงานของเม็ดเลือดขาวในร่างกาย เป็นอีก Action นึงที่โอโซนไปมีส่วนช่วยในกระบวนการปกติของร่างกายในการจัดการกับเชื้อโรค
- กระตุ้นระบบภูมิต้านทานในระยะยาว ทั้งการทำงานของเม็ดเลือดแต่ละชนิด ทำให้เม็ดเลือดขาวเราทำงานดีขึ้น เก่งขึ้น สามารถจัดการเชื้อโรคได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
กลไกทั้งหมดมีงานวิจัยรองรับค่อนข้างชัดเจนว่า สามารถช่วยในแง่ของการรักษา และการป้องกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเป็นซ้ำขึ้นมาได้ ในคนที่ติดเชื้อง่าย ติดเชื้อบ่อย หรือว่าภูมิต้านทานไม่ค่อยดี การทำติดต่อกันหลายๆ ครั้งก็มีงานวิจัยรองรับว่าช่วยทำให้แบบระบบภูมิต้านทานเราแข็งแรงมากขึ้น และยังพบว่า การติดเชื้อง่าย หรือว่าการติดเชื้อซ้ำของเชื้อไวรัสลดลงหลังจากการทำโอโซนบำบัด
ข้อควรระวังในการทำโอโซนบำบัด
การใช้โอโซนบำบัดในการ รักษาโรคเริม งูสวัด ยังไม่ได้เป็นการรักษามาตรฐาน แต่เป็นการรักษาเสริม การรักษาทางเลือกในกลุ่มการฟื้นฟู เพราะฉะนั้นต้องคุยกับคุณหมอเฉพาะทางก่อนรับการรักษาทุกครั้ง
คนกลุ่มไหนบ้างที่เหมาะกับการทำโอโซนบำบัด
- คนที่ภูมิต้านทานไม่ค่อยดี กลุ่มคนที่ติดเชื้อง่าย ติดเชื้อบ่อย เช่น เป็นเริม เป็นงูสวัดบ่อยๆ ติดหวัดคนอื่นง่าย เป็นไข้หวัดใหญ่บ่อยๆ คนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์สูงสุดเลยจากการที่จะทำโอโซนบำบัด เพราะโอโซนออกฤทธิ์จัดการฆ่าเชื้อทุกชนิด แล้วก็ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานในระยะยาวได้
- กลุ่มการติดเชื้อเรื้อรัง เช่น พวกที่พบบ่อย ไวรัสตับอักเสบ A B C D และ E คนกลุ่มนี้จะต้องอยู่กับการติดเชื้อไวรัสไปตลอดชีวิต การรักษาจะค่อนข้างยุ่งยาก และราคาแพง ซึ่งการรักษาก็จะดีบ้างไม่ดีบ้างด้วย คนกลุ่มนี้จะต้องดูแลเรื่องระบบภูมิต้านทานของตัวเองค่อนข้างดีเป็นพิเศษถ้าเทียบกับคนอื่น ซึ่งจริงๆ การใช้โอโซนบำบัดก็มีเริ่มมีงานวิจัยมากขึ้นในคนไข้กลุ่มนี้ โดยเฉพาะคนไข้ที่ติดเชื้อเรื้อรัง
- กลุ่มภูมิเพี้ยน หรือ (Autoimmune Disease) คือภูมิต้านทานทำงานผิดปกติเรื้อรัง ทำให้เกิดโรคภูมิต้านทานทำลายตัวเอง เช่น SLE (Systemic Lupus Erythematosus) ระบบภูมิต้านทานมองไม่เห็นว่าอะไรถูกอะไรผิด หรืออะไรที่เป็นของแปลกปลอม และเป็นของตัวเอง ก็เลยทำงานเพี้ยน ทำลายตัวเอง ทำให้เกิดโรคขึ้นมา คนไข้สามารถใช้โอโซนบำบัดช่วยฟื้นฟูระบบภูมิต้านทานให้กลับมาทำงานเป็น เสริมจากการรักษาทางหลักได้
- กลุ่มความเสื่อมของหลอดเลือด เช่น โรคที่เกี่ยวกับความเสื่อมของหลอดเลือดทั้งหมดเลย เบาหวาน ความดัน ไขมัน โรคหัวใจ โรคเรื้อรังที่ที่พบบ่อยๆ จะเป็นปัญหาของเส้นเลือดในสมอง หลอดเลือดที่มีการอักเสบได้ง่าย แล้วก็หลอดเลือดเสียความยืดหยุ่น การทำโอโซนบำบัดพบว่าช่วยฟื้นฟูเรื่องผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดเรายืดหยุ่นดีขึ้น ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
- กลุ่มคนที่สุขภาพดี คนที่มีอาการเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังไม่ได้เป็นโรค การทำโอโซนบำบัดก็ได้ประโยชน์ในแง่ของการป้องกันและการฟื้นฟู หลายคนที่เข้ามาทำโอโซนแล้ว รู้สึกสดชื่นขึ้น การเผาผลาญในระดับเซลล์ดีขึ้น รู้สึกมีพลังงานเยอะขึ้น การนอนหลับดีขึ้น ส่งผลให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
สรุป โอโซนบำบัด ถือว่ามีประโยชน์ในทางการแพทย์มาก จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่เรื่องการฆ่าเชื้อไวรัสอย่างเดียว มีการฆ่าเชื้ออื่นๆ ด้วย เชื้อโรคทุกอย่างในร่างกายของเราการทำโอโซนบำบัดสามารถจัดการได้หมดเลย ทั้งเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หรือคนที่เป็นหวัดบ่อยๆ เริม งูสวัด การทำโอโซนบำบัดก็ช่วยให้ระบบภูมิของเราแข็งแรงขึ้นในระยะยาวได้