ค้นหา
ปิดช่องค้นหานี้

คีเลชั่นบำบัด ตัวช่วยล้างสารพิษ ขจัดโลหะหนักในร่างกาย

คีเลชั่นบำบัด คือ การกำจัดหรือล้างสารพิษโลหะหนักในร่างกาย โดยการให้สารทางหลอดเลือด เพื่อที่จะไปจับกับโลหะหนักออกจากร่างกาย สารที่ว่านี้เป็นกลุ่มสังเคราะห์ของสาร Amino ที่เรียกว่า EDTA (Ethylenediamine Tetraacetic Acid) ซึ่งมีประวัติการใช้ยาวนานมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ปัจจุบันก็ยังมีที่ใช้อย่างแพร่หลายทางพิษวิทยาอยู่ แต่ว่าต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้รับสารพิษโลหะหนัก

  • ผู้ที่สูบบุหรี่ ทั้งบุหรี่ปกติหรือบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะได้รับสารพิษโลหะหนักจำพวกแคดเมียม สังกะสี ตะกั่ว นิกเกิล หรือทองแดง
  • มลภาวะทางท้องถนนหรือ PM 2.5 กลุ่มนี้มักจะพบสารหนูหรือแคดเมียม และ ทังสเตน ปริมาณมาก
คีเลชั่นบำบัด
  • อาหารพืชผลการเกษตรที่มีสารปนเปื้อน มาจากกระบวนการเพาะปลูก จนถึงมือผู้บริโภคหรือมากับน้ำ รวมถึงอาหารทะเล เช่น สารหนู ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมีต่างๆ ยาอบค่ามอด เป็นต้น
  • อุปกรณ์ที่ใช้ทำอาหาร เช่น หม้อก๋วยเตี๋ยวอลูมิเนียม การที่เราต้มด้วยความร้อนเป็นเวลานานๆ นั้น ทำให้สารอลูมิเนียมก็ออกมากับน้ำซุปได้ 
  • ภาชนะพลาสติกหรือโฟมใส่อาหาร โดยเฉพาะที่ใส่ของร้อนหรือของทอด โดยสารที่ออกมา ได้แก่ สังกะสี ทองแดง เป็นต้น รวมถึงของเล่นเด็กที่ไม่ได้มาตรฐานด้วย
  • เครื่องสำอางหรือยาย้อมผม จะพบสารแคดเมียมปริมาณมาก นอกจากนี้แล้วสเปรย์ฉีดตัวก็มักมีสารอลูมิเนียมที่เกินอยู่เป็นปริมาณมาก
  • ผู้ที่อยู่ในแหล่งอุตสาหกรรม ก็มักจะได้รับ 3 ปนเปื้อนไม่ว่าจะทางอาหาร หรือว่าจากทางน้ำได้อย่างง่ายดาย

อาการเตือนเมื่อโลหะหนักเข้าสู่ร่างกาย

โดยมากอาการจะเป็นแบบไม่เฉพาะเจาะจง เช่น มีอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น หรือนอนไม่หลับ บางครั้งมีความรู้สึกว่าสมองล้า ลืมง่าย หรือความคิดสร้างสรรค์เรื่องงานลดลง แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงอยู่แล้ว เช่นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เบาหวาน เป็นต้น จะทำให้อาการแย่ลงหรือว่าการรักษาไม่สำเร็จผลอย่างที่ควรจะเป็น บางครั้งผู้ที่ได้รับสารพิษโลหะหนักอาจจะพบว่ามีอาการภูมิแพ้แบบไม่ทราบสาเหตุ หรือมักจะมีอาการเจ็บป่วยบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุได้เช่นกัน

ตรวจเช็กสารโลหะหนักในร่างกาย

เมื่อรู้ตัวว่ามีความเสี่ยงหรือมีสารโลหะหนักในร่างกายเยอะ แนะนำให้ตรวจหาสารโลหะหนัก ซึ่งในปัจจุบันก็มีการตรวจง่ายๆ โดยไม่ต้องเจาะเลือด เช่น การตรวจด้วยเครื่อง Oligoscan เป็นการตรวจวัดระดับแร่ธาตุและโลหะหนักระดับเนื้อเยื่อ ที่จะทำให้เราทราบผลตรวจถึง 34 รายการ โดยการสแกนที่ฝ่ามือ 4 จุด และผลก็จะออกมาทันที ทำให้เราทราบว่าเราจะต้องจัดการกับเจ้าสารพิษโลหะหนัก รวมถึงการเสริมวิตามินแร่ธาตุที่ร่างกายขาดได้อย่างตรงจุด

วิธีการตรวจ Oligoscan

  1. Real time screening สแกนจุดบนฝ่ามือ 4 จุด ไม่ต้องเจาะเลือด
  2. Spectrophotometric analysis วิเคราะห์ด้วยเครื่องสเปกโตรมิเตอร์
  3. Algorithmic treatment ประเมิณผลแบบแม่นยำเฉพาะบุคคล
  4. Rapid Results รู้ผลรวดเร็ว แปรผลเข้าใจง่าย

IV Drip Chelation Therapy ขับสารพิษและโลหะหนักทางสายน้ำเกลือ

ปัจจุบันการล้างสารพิษหลอดเลือดทำง่ายๆ เหมือนกับการให้น้ำเกลือ 1 ครั้ง โดยคุณหมอจะมีการคำนวณค่าการกรองของไตก่อนที่จะให้สาร เมื่อคุณหมอคำนวณโดสที่จะใช้แล้วหลังจากนั้นก็มีการผสมวิตามิน หรือว่ากลุ่มสารแอนตี้ออกซิแดนท์เข้าไปด้วย เพื่อไม่ให้ระหว่างทำนั้นเพลียเกินไป (สำหรับผู้ที่มีค่าการกรองไตบกพร่อง เรายังมีวิธีอื่นในการล้างสารพิษหลอดเลือดสามารถปรึกษาคุณหมอได้)

การล้างสารพิษและโลหะหนักต้องทำบ่อยแค่ไหน
  • สามารถทำได้ห่างกันเร็วสุดทุก 1-2 สัปดาห์ แล้วแต่ปริมาณสารพิษที่มากหรือแต่ละบุคคล
ความถี่ในการมาทำ IV Drip Chelation Therapy
  • ขึ้นอยู่กับปริมาณสารพิษสะสมหรือแต่ละบุคคล บางคนทำ 3 ครั้งก็รู้สึกว่าสดชื่นแล้ว
อาการหลังทำ คีเลชั่นบำบัด มีอะไรบ้าง
  • หลังทำครั้งแรกมักจะมีอาการอ่อนเพลีย แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะปกติแล้วสารพิษเหล่านี้มักจะสะสมอยู่ที่อวัยวะ พอเราใส่สารกลุ่ม EDTA (Ethylenediamine Tetraacetic Acid) เข้าไป เหมือนกับเราไปกวนน้ำให้ขุ่น เพื่อที่จะเตรียมการขับออก บางครั้งในช่วงแรกๆ จะรู้สึกว่ามีอาการมึนศีรษะหรืออ่อนเพลีย

นอกจากนี้หลังทำแล้วคุณหมอยังมีการติดตามอาการ รวมถึงการให้วิตามินหรือว่าพวกกลุ่มเกลือแร่ที่จำเป็นเพื่อชดเชยไปหลังจากที่ล้างสารพิษออก

สำหรับท่านที่มีค่าไตไม่สู้ดีนัก ไม่ต้องกังวล เพราะอย่างที่ได้กล่าวไว้ในตอนแรก การล้างสารพิษหลอดเลือดยังมีอีกหลายวิธี รวมถึงท่านไหนที่ต้องการตรวจเช็กสารพิษ สารโลหะหนัก แล้วยังมีคำถามหรือข้อสงสัย ก็สามารถเข้ามาปรึกษากับคุณหมอก่อนได้ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมร่วมกัน

แพทย์หญิงนันภกร เหลืองอร่าม (หมออุ๊)

นัดหมายปรึกษาแพทย์

Line : @w9wellness
📍 W9 Wellness Center (ชั้น 3 อาคาร A รพ.พระรามเก้า)
🕑 เวลาทำการ: 08.00 น. -17.00 น.
โทร 092-993-6922, 1270

Share : 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ช่วงนี้มี อาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy Diet) หลากหลายสูตรที่มีกระแสว่าช่วยในการลดน้ำหนักออกมามากมาย ทั้งที่มีการศึกษาวิจัยรองรับ มีการรีวิวตามอินเตอร์เนต

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า โพรไบโอติกส์ช่วยอะไร จนชินหู และรู้ถึงสรรพคุณเด่นในเรื่องระบบขับถ่าย แต่น้อยคนจะรู้ว่าโพรไบโอติกส์ในลำไส้ของเรามีประโยชน์ต่อระบบอื่นๆ

หาไม่ได้บนโลกใบนี้ค่ะ คือคุณจะไปหากินที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่แม่มอบให้กับลูก เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายจากร่างกายของเราเอง มอบไปสู่ลูก “กินโพรไบโอติกส์ ตอนไหนให้เห็นผล” จุลินทรีย์กับความเป็นแม่ สำหรับแม้ว จุลินทรีย์กับความเป็นแม่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้วเริ่มต้นจากตอนที่ท้องลูกสาว แม้วเป็นคนกลัวเจ็บมากที่สุดบนโลกใบนี้ ตอนที่รู้ว่าท้องเนี่ย บอกคุณหมอว่า ทำยังไงก็ได้นะคะที่ไม่ให้เจ็บ จะบล็อคหลัง ฉีดยาอะไรให้เราคลอด โดยที่เราไม่รู้สึกเจ็บเลย แต่คุณหมอบอกว่าการคลอดธรรมชาติเนี่ย มันจะมีจุลินทรีย์ที่ดีมากๆ เลย ที่เราจะมอบให้ลูก ซึ่งเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เราจะให้ลูกก่อนที่เค้าจะออกมาบนโลกใบนี้ค่ะ นอกจากที่จุลินทรีย์ตอนคลอดแล้วก็ยังมีจุลินทรีย์ในน้ำนมแม่ ซึ่งมีส่วนสำคัญมากสำหรับลูกของเรานะคะ คือแม้วให้นมแม่กับลูก 5 ปีเต็ม (ร้อยเปอร์เซ็นต์) แล้วลูกสาวก็เป็นเด็กที่แข็งแรงมากๆ เลยค่ะ สิ่งที่สามที่แม้วโฟกัสหลังจากนั้นก็คือ โภชนาการ หลังจากเค้าเริ่มอาหารเสริม คือโภชนาการเนี่ยมันจะควบคู่กันระหว่าง Educational กับ Lifestyle น้ำตาลเนี่ยคือศัตรูตัวร้ายฉกาจสุดๆ สำหรับจุลินทรีย์เลย เพราะมนุษย์เรามีอวัยวะ 32 ครบ แต่ใน 32 นั้นเนี่ย มันก็สอดแทรกด้วยจุลินทรีย์ทั้งหมดเนี่ย 90% เพราะฉะนั้นก็ค่อยๆ สอดแทรกให้เค้าไป ให้เค้าเรียนรู้จากการที่เราทำให้เค้าดูค่ะ แล้วก็อีกอย่างคือแม้วจะเลือกทำอาหารที่สด เราจะไม่ให้เค้าทานพวกอาหารแปรรูปทั้งหลายแหล่ เพราะว่ากว่าจะออกมาเป็นอาหารแปรรูปได้ขนาดนี้ มันก็ต้องผ่านกระบวนการเยอะ […]