ค้นหา
ปิดช่องค้นหานี้

ในปัจจุบันเราพบว่าการ รักษามะเร็งทางเลือก (Alternative Cancer) เริ่มได้รับการยอมรับจากคนไข้และคนรอบตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ มิสเซิลโท (Mistletoe Therapy) ในการช่วยลดผลข้างเคียงจากการทำคีโม หรือการทำ NK Cell ต่างๆ ทั้งการตรวจจำนวนคงเหลือ NK Count และดูคุณภาพการทำงาน NK Activity เพื่อให้การรักษาของคนไข้มีอาการที่ดีขึ้น

ทำไมคนไข้ถึงใช้ NK Cell ในการรักษาร่วม

  • มองหาแพทย์ทางเลือกในการรักษา
  • ไม่อยากทำคีโมและฉายแสง 
  • ร่างกายอ่อนแอจากการทำคีโมและฉายแสง
  • ได้รับผลข้างเคียงจากการทำคีโมและฉายแสง
  • ร่างกายแพ้การทำคีโมบำบัดหนักมาก
  • ร่างกายอ่อนแอ จนไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้

การรักษามะเร็งด้วย Immune Therapy

Immune Therapy เป็นการรักษาโดยการใช้เซลล์ระบบภูมิคุ้มกันของคนไข้เอง ซึ่งเป็นแนวทางการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก (Alternative Medicine) โดยใช้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันของคนไข้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็งในร่างกายของคนไข้เอง ซึ่งบางครั้งอาจใช้คำว่า การรักษาแบบเซลล์บำบัด (Cell Based Therapy) ได้ด้วยเช่นกัน

เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันสามารถแบ่งตามการทำงานได้สองกลุ่ม

  1. Innate Immunity เป็นเซลล์พร้อมทำงานทันที ไม่ต้องรอคำสั่ง จึงมักเป็นเซลล์กลุ่มแรกที่เข้าทำลายเซลล์ หรือสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย แต่เป็นเซลล์กลุ่มที่ทำงานไม่จำเพาะเจาะจง และไม่สามารถอยู่ในร่างกายได้นาน ตัวแทนของเซลล์กลุ่มนี้คือ Natural Killer Cells หรือ NK Cell หรือเซลล์เพชฌฆาต ซึ่งทำหน้าที่เป็นเซลล์กลุ่มแรกที่เข้าจัดการกับเซลล์หรือสิ่งแปลกปลอมทันที หากทำการตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่เซลล์ปกติ
  2. Adaptive Immunity เป็นเซลล์กลุ่มที่ต้องมีการเรียนรู้ หรือมีการบอกต่อจากเซลล์อื่น เพื่อทำการจดจำและนำไปต่อสู้กับเซลล์มะเร็งหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย ไม่สามารถทำงานได้เองทันที ตัวแทนของเซลล์กลุ่มนี้คือ B หรือ T Cells

โดยปกติแล้วคนไข้มะเร็งจะมีสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวยให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมักพบปัญหาไม่ว่าจะเป็นจำนวนที่น้อยกว่าปกติ หรือประสิทธิภาพต่ำกว่าปกติ หรือพบทั้งสองชนิดร่วมกัน ปัญหาเหล่านี้เป็นปัจจัยเสริมให้เซลล์มะเร็งเติบโตอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าการใช้ยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) ถือว่าเป็นการรักษาที่เป็นมาตราฐานสำหรับโรคมะเร็งในปัจจุบันแต่เป็นที่ทราบกันดีถึงผลข้างเคียงที่จะได้รับ รวมทั้งผลจากการที่เซลล์ในร่างกายถูกทำลายพร้อมเซลล์มะเร็งอีกด้วย

การรักษาโดยการใช้เซลล์ระบบภูมิคุ้มกันของคนไข้ จึงนับว่าเป็นทางเลือกในการรักษามะเร็งอีกทางหนึ่งโดยเป้าหมายของการรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ให้สามารถต่อสู้กับมะเร็งได้ด้วยตนเองเมื่อรักษาร่วมกับการผ่าตัด หรือการรักษาด้วยยาที่มีความจำเพาะ (Targeted Medicine) พบว่าผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ อาจไม่มีความจำเป็นต้องใช้เคมีบำบัด หรือใช้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

NK Cell เซลล์เพชฌฆาตฆ่ามะเร็ง

NK Cell (Natural Killer Cell) หรือ เซลล์เพชฌฆาต คือ เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งในระบบภูมิคุ้มกัน เป็นระบบป้องกันแนวหน้าของร่างกายที่มีความสำคัญมาก NK Cell สามารถแยกแยะหว่างเซลล์ปกติ กับ เซลล์ที่ผิดปกติได้ จึงทำให้ NK Cell มีความสามารถในการทำลายเซลล์มะเร็งได้สูงกว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวอื่นๆ ถึง 100 เท่า

สำหรับคนที่ป่วยบ่อย ร่างกายอ่อนแอ อาจสันนิฐานได้ว่าปริมาณของ NK Cell มีจำนวนน้อยกว่าปกติหรือจำนวนปกติแต่ไม่มีคุณภาพ เปรียบเสมือนป้อมปราการที่ไม่แข็งแรงและพร้อมจะพัง ดังนั้นพอมีสิ่งแปลกปลอมเกิดขึ้นในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเซลล์มะเร็งหรือเชื้อโรคต่างๆ ก็จะสามารถลุกลามได้อย่างรวดเร็ว

กลไกการกำจัดเซลล์มะเร็งของ NK Cell

NK Cell มีความสามารถในการตรวจจับสิ่งแปลกปลอมหรือเซลล์ที่มีพฤติกรรมผิดปกติอย่าง “เซลล์มะเร็ง” ในร่างกายได้เอง เมื่อใดที่ NK Cell ตรวจจับได้แล้วจะปล่อยสารให้เซลล์เหล่านั้นตาย หรือที่เรียกว่ากลไก Apoptosis เพื่อให้เซลล์เหล่านั้นไม่ก่อตัวกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ในภายหลัง และนอกจากที่ตรวจพบสิ่งแปลกปลอมแล้ว NK Cell ยังส่งสัญญาณเรียกเม็ดเลือดขาวชนิดอื่นๆ ให้เข้ามารวมตัวกันในการกำจัดเชื้อไวรัสให้ออกไปจากร่างกาย เพื่อใม่ให้มีโอกาสเข้าไปทำอันตรายต่อร่างกายของเราได้ในภายหลัง

ขั้นตอนการวางแผนการ รักษามะเร็งทางเลือก ด้วย NK Cell

  1. Pre-Screening: เป็นการตรวจคัดกรองเบื้องต้น เพื่อตรวจสอบระดับและประสิทธิภาพของ NK Cell Therapy ก่อนการรักษา
  2. Blood Drawing: การเจาะเลือดสำหรับใช้กระบวนการเพาะเลี้ยง NK Cell Therapy
  3. NK Cell Culture: แยกและเพาะเลี้ยง NK Cell Therapy เพื่อเพิ่มปริมาณและประสิทธิภาพการทำงาน
  4. NK Cell Treatment: ให้ NK Cell Therapy กลับเข้าสู่ร่างกาย เพื่อใช้งานตามปกติ
  1. ปัจจุบันมีโรคที่ใช้ NK Cell ร่วมในการรักษาอยู่ 2 กลุ่ม คือ
    1. กลุ่มโรคมะเร็ง
    • เม็ดเลือดขาว (Leukemia)
    • มะเร็งรังไข่ (Ovarian cancer)
    • มะเร็งเนื้อเต้านม (Breast Cancer (HER-2 +ve))
    • มะเร็งเนื้อเยื่อระบบประสาท (Neuroblastoma)
    1. กลุ่มโรคที่ไม่ใช่มะเร็ง
    • ติดเชื้อไวรัส (Viral Infection)
    • โรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Disease)
    • เบาหวานชนิดที่ 1 (Type I Diabetes)

    อีกประเด็นที่สำคัญ คือ ใครบ้างที่ควรใส่ใจกับการทำงานของ NK Cell ในร่างกาย 

    • ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคมะเร็ง
    • มีปัญหาสุขภาพ ติดเชื้อบ่อย ร่างกายอ่อนแอ
    • ผู้ที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคตับ โรคไต เบาหวาน และไขมันในเลือดสูง ตับอักเสบเรื้อรังจากไวรัส
    • ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ในระหว่างการรักษา หรือ เป็นผู้ที่เฝ้าระวังการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง
    • ผู้ที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพ ได้แก่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ เครียด ไม่ออกกำลังกาย สูบบุหรี่จัด และดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
    • ผู้ที่มีภาวะโภชนาการบกพร่องหรือขาดสารอาหาร เนื่องจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสัดส่วน เช่น ขาดการบริโภคผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ ทำให้ร่างกายขาดวิตามิน เกลือแร่ และโปรตีน เป็นต้น
    • ผู้ที่ต้องการทราบปริมาณและคุณภาพของ NK Cell เพื่อวางแผนการป้องกันโรค

ลดผลข้างเคียงคีโมด้วยมิสเซิลโท (Mistletoe Therapy)

มีงานวิจัยมากมายพบว่า สารสกัดจากมิสเซิลโทมีส่วนช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรปมีการใช้มิสเซิลโท ช่วยในการรักษาโรคมะเร็งมาเป็นเวลานานกว่า 100 ปี มีการวิจัยและเป็นที่ยอมรับในการนำไปรักษาร่วมกับการรักษาหลักในผู้ป่วยมะเร็ง เช่น การฉายแสง และให้เคมีบำบัด โดยพบว่าการใช้สารสกัดจากมิสเซิลโทนั้น มีความปลอดภัย ช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ช่วยลดผลข้างเคียงจากการรักษาได้เป็นอย่างดี และไม่ลดประสิทธิภาพ หรือต่อต้านการรักษาหลัก ทั้งยังเพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกาย ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นได้

Curcumin ช่วยลดการอักเสบ และเสริมภูมิคุ้มกันจากธรรมชาติ

สารเคอร์คูมิน (Curcumin) เป็นสารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดี เป็นอาหารเสริมที่มีประสิทธิภาพสูง และมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย สมอง เคอร์คูมินช่วยในการต่อสู้กับเชื้อโรคได้หลายวิธีโดยไม่มีผลข้างเคียง ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อตัว และการแพร่กระจายในระดับพันธุกรรม

 

กลไกการกำจัดเซลล์มะเร็งของ NK Cell

การดูแลอาหารการกินของผู้ป่วยมะเร็งแบ่งออกเป็น 2 อย่าง กลุ่มแมคโครนิวเทรียนท์ และ กลุ่มไมโครนิวเทรียนท์ ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

 
  • กลุ่มแมคโครนิวเทรียนท์ เป็นสารอาหารหลักหรือสารอาหารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ จำพวกโปรตีนจากพืช คาร์โบโอเดรตเชิงซ้อน และไขมันดี ที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หาได้จาก ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ธัญพืช ถั่วเปลือกแข็ง โอเมก้า 3, 9 ซึ่งอาหารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันและไม่กระตุ้นอินซูลิน เพราะน้ำตาลมีส่วนทำให้มะเร็งโตเร็วขึ้น
  • กลุ่มไมโครนิวเทรียนท์ เป็นสารอาหารที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก จำพวก Vitamin D, Selenium, Zinc, Vitamin B หาได้จาก เห็ด เนื้อสัตว์ (ต้องเลือกชนิด) นม ไข่ ธัญพืช ถั่ว ผักหลากสี สมุนไพรพื้นบ้านที่มีกลิ่นฉุน ซึ่งอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง

สุดท้ายแล้ว การดูแลอาหารของผู้ป่วยจะเน้นกินให้ได้สารอาหารที่หลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นผักที่มีกลิ่นฉุน มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) เพื่อที่จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยแข็งแรงขึ้น ในทางเวลเนสเราก็มีการเสริมระบบภูมิคุ้มกันด้วย NK Cell รวมถึงการดูแลสภาพจิตใจของผู้ป่วยให้ดี ทั้งเรื่องความเครียด การออกกำลังกาย การนอน เพราะทุกอย่างควรที่จะทำควบคู่กันไปเพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีที่สุด

ทำไมต้องเลือก การรักษามะเร็งทางเลือก ที่ W9 Wellness

หากคุณกำลังมองหาการรักษามะเร็งทางเลือก ที่ W9 Wellness เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถดูแลและให้คำแนะนำตั้งแต่การตรวจ NK Cell ไปจนถึง การเพาะเลี้ยง NK Cell อย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับการดูแลตนเองอย่างเหมาะสมของคนไข้แต่ละคน เพราะเรารู้ดีว่าการรักษาสุขภาพอย่างโรคมะเร็งมีความซับซ้อนมากกว่าแค่การรักษาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ของตัวคนไข้เองที่ต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดีด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต วิถีชีวิตประจำวันอื่นๆ ที่อาจส่งผลทำให้ร่างกายของคุณอ่อนแอลงได้

“สุขภาพพื้นฐานของแต่ละคนแตกต่างกัน การดูแลสุขภาพก็ควรที่จะต้องดูแลแบบเฉพาะบุคคล เพื่อเพิ่มความแม่นยำ และประสิทธิภาพในการรักษาให้ดีที่สุด”

 

โปรแกรมทางเลือกสู่การรักษามะเร็งร่วม

โปรแกรมตรวจวิเคราะห์การทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว NK Cell Activity เพื่อดูประสิทธิภาพการทำงาน ว่าสามารถฆ่าเชื้อไวรัส หรือเซลล์แปลกปลอม ที่เกิดขึ้นในร่างกายของเราได้มาน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้วางแผนการป้องกันก่อนเกิดโรค

ราคา ฿180,000.00 บาท

Curcumin Vitamin IV Drip ขุมทรัพย์จากธรรชาติมีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดี เป็นอาหารเสริมที่มีประสิทธิภาพสูง

ราคา ฿12,000.00 บาท

NK Count & NK Activity Test เช็กจำนวนและประสิทธิภาพเซลล์เพชฌฆาต ตรวจประเมินความสามารถในการทำงานของ NK Cell ที่ทำหน้าที่เป็นด่านแรกในการกำจัดเชื้อไวรัส อย่างเซลล์มะเร็ง

ราคา ฿20,000.00 บาท

พันธุกรรมถ่ายทอดมะเร็งจากรุ่นสู่รุ่น อย่าปล่อยให้ความเสี่ยงจากน้อยกลายเป็นสูง โปรแกรมตรวจคัดกรองมะเร็งขั้นสูง 51 ชนิด ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก

ราคา ฿18,000.00 บาท

โปรแกรมวิเคราะห์ความเสี่ยง 13 โรคมะเร็ง และ 21 โรคที่พบบ่อย จากสารพันธุกรรม (DNA) โดยใช้การตรวจจากน้ำลาย

เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคมะเร็ง, โรคอัลไซเมอร์, โรคความจำเสื่อม และโรคหัวใจและหลอดเลือด

ราคา ฿29,000.00 บาท

ปรึกษาปัญหาสุขภาพและรับสิทธิพิเศษสำหรับคุณได้ที่นี่

บทความที่เกี่ยวข้อง

เราเข้าใจกันมาโดยตลอดว่า “พันธุกรรม” เป็นตัวกำหนดที่ทำให้เรามีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับพ่อแม่ แต่ทำไมฝาแฝดแท้ๆ กลับมีนิสัยที่ต่างกัน

นอนน้อย นอนดึก อาจเป็นพฤติกรรมเสพติดของใครหลายคน อาจเป็นเพราะกำลังดูหนังเพลินๆ เล่นเกมส์ติดพัน

มีคนไข้หลายคนเข้ามาปรึกษาหมอว่า ทำไมบางครั้ง กินโพรไบโอติกส์ แล้วไม่เห็นผล เพราะเห็นโฆษณาว่าช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น ช่วยเรื่องลดน้ำหนัก และยังช่วยเรื่องภูมิแพ้ แต่กินไปแล้วกลับกลายเป็นว่าไม่ช่วยอะไรเลย หมอต้องบอกก่อนว่า เราต้องอย่าลืมว่าโพรไบโอติกส์มันมีชีวิต และโพรไบโอติกส์ไม่ใช่ยา ดังนั้นเราจึงไม่สามารถควบคุมอาการมันได้ทุกอย่างได้ มันจึงมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง หนึ่งในนั้นก็คือ ชนิด และจำนวนของโพรไบโอติกส์ที่ต้องรีบประทาน วันนี้หมอมีคำแนะนำว่าจริงๆ แล้ว เราควร กินโพรไบโอติกส์ตอนไหน กันแน่ถึงจะเห็นผล เราควรเลือก กินโพรไบโอติกส์ตอนไหน ถึงจะเห็นผล? ก็ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วในการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของโพรไบโอติกส์ในปัจจุบันมีค่อนข้างมากเลย แล้วส่วนใหญ่ก็จะพบว่า มีประโยชน์กับร่างกายของเราจริงๆ เพียงแต่ว่าเราต้องไม่ลืมว่า พอพูดถึงจุลินทรีย์มันมีหลากหลาย หลายพัน หลายหมื่น หลายแสนล้านชนิดอยู่ในร่างกาย มีชนิดย่อยๆ เต็มไปหมดเลย ทุกวันนี้เรายังศึกษาได้แค่บางส่วน มันก็จะมีเชื้อจำนวนนึงที่อยู่ในลิสต์ว่ามันเป็นเชื้อที่ดี ในเชื้อแต่ละตัวเองก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป มีคุณสมบัติที่คาบเกี่ยวกันไป เพราะฉะนั้นการจะเลือกโพรไบโอติกส์กับปัญหานึงเนี่ย จริงๆ หมอมองว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย บางทีมันไม่อาจจะสามารถใช้เชื้อรวมๆ เหมือนว่าเอา 10 ตัวนี้มาแล้วมาใช้กับทุกสภาวะได้ เพราะว่าในแต่ละคนเองก็มีความหลากหลายของชนิดเชื้อที่แตกต่างกันอีกเหมือนกัน การกินโพรไบโอติกส์ที่มากเกินไป หรือว่าชนิดที่อาจจะไม่ได้เหมาะสมกับเรา บางทีอาจจะนำมาสู่การเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร หรือว่าทำให้โพรไบโอติกส์ในท้องของเรา จากที่มันดีอยู่แล้วกลับแย่ลงด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้ว การกินโพรไบโอติกส์ให้เหมาะสมกับบุคคล […]