ในยุคปัจจุบันเราใช้เวลาหมดไปกับ “การแข่งขัน” แข่งกันเรียนหนังสือ แข่งกันทำงาน ลามไปจนถึงแข่งกันใช้ชีวิตทั้งในชีวิตจริงและโลกเสมือนจริง (สังคมออนไลน์) หลายคนเติบโตมาในความยุ่งเหยิง วุ่นวาย พร้อมกับภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่มากขึ้นตามอายุ โดยสังคมเริ่มหล่อหลอมให้เรามีชุดความคิดที่ว่า “ต้องใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะการที่ใช้เวลามากแต่ได้ผลลัพธ์น้อยจะถูกมองว่าเป็นการเสียเวลาไปอย่างไม่คุ้มค่า” นั่นเอง ทำให้หลายคนลืมดูแลตัวเองให้มี สุขภาพดี ไปด้วย
พฤติกรรมติดสบายจนเคยตัว
เทคโนโลยีและความสะดวกสบายในปัจจุบัน ล้วนคิดค้นขึ้นมาเพื่ออำนวนความสะดวกสบาย และช่วยประหยัดเวลาให้เรามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ ลิฟต์ บันไดเลื่อน หรือบริการ Delivery ถ้าหิวก็แค่กดสั่งอาหารจากโซฟา โดยไม่จำเป็นต้องเดินออกไปตากแดดซื้ออาหารเอง นานๆ เข้าเราก็เริ่มติดกับวิถีชีวิตที่สะดวกสบาย ทำให้พวกเราเคลื่อนไหวร่างกายกันน้อยลงเรื่อยๆ โดยไม่ทันรู้ตัว
“เราประหยัดเวลาและ ขี้เกียจอย่างมีประสิทธิภาพ” โดยมองข้าม “วิถีธรรมชาติ” เราเริ่มออกห่างจากธรรมชาติมากขึ้นทุกๆ วัน
ขยับร่างกายน้อยลง น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น
เมื่อร่างกายของพวกเราขยับกันน้อยลง แปลว่าพวกเราได้รับพลังงานส่วนเกินเพิ่มมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของโรคอ้วน ถือเป็นปัญหาที่หมอยังพบว่าเพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปี แต่เราก็จะใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการเรียนรู้การนับแคลอรี่ที่กินเข้าไป หรือเพิ่มขึ้นอีกหน่อยก็เข้าฟิตเนสออกกำลังกาย แต่ในทางกลับกันเรากลับเลือกใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อน แทนการใช้บันไดในการเดินไปฟิตเนส
BMI แน่ใจหรือว่าเชื่อได้
ใครที่ยังติดอยู่ใน “กับดักMBI” พอน้ำหนักขึ้นก็เริ่มอดอาหาร เริ่มนับแคลอรี่ เราชอบอดอาหารกันจนน้ำหนักลง แต่ในทางกลับกันเราก็ยังสนุกกับการกิน แถมยังไม่ชอบออกกำลังกาย นานเข้าน้ำหนักตัวก็เด้งกลับมาที่เดิม เราก็ใช้วิธีวนลูปไปแบบนี้ โดยทุกครั้งที่เราใช้วิธีลดน้ำหนักแบบผิดๆ เรากำลังทำลายสุขภาพของตัวเองในระยะยาว อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง ไม่ต่างอะไรกับคนรูปร่างผอมแต่กลับมีแคลอรี่สูงเลย
การนับปริมาณแคลอรี่จริงๆ แล้วเปรียบเสมือนดาบสองคม อาหารที่มีปริมาณแคลอรี่เท่ากัน แต่กลับให้คุณค่าทางอาหารต่อร่างกาย “ต่างกัน” อย่างลับลับ และยิ่งถ้าเราปรุงอาหารด้วยความร้อนที่สูงมากๆ อย่างเช่น รังสีความร้อนจากไมโครเวฟ ได้ทำลายไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) สารต้านอนุมูลอิสระ ในบล็อคโคลี่สดไปมากกว่า 98%
หมอแนะนำว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างแรกเลย คือ คุณต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติต่อการออกกำลังกายของคุณเสียก่อน คุณต้องเริ่มตระหนักถึงผลเสียของการยึดติดและ “พึ่งพา” สิ่งอำนวยความสะดวก
ทุกวันนี้เราเริ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับการบริหารจัดการความเครียดที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ทั้งร่างกายและจิตใจ จากหน้าที่การงาน ภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ ส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านอารมณ์ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ นอนไม่หลับ ไมเกรน ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง ภูมิต้านทานอ่อนแอ ป่วย ติดเชื้อง่าย รวมไปถึงปัญหาการฆ่าตัวตาย
เรายังพบผู้ป่วยโรคเรื้อรังเพิ่มมากขึ้นทุกวัน สวนทางกับการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ทั้งโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคภูมิแพ้ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคความเสื่อมต่างๆ ข้อเข่าเสื่อม อัลไซเมอร์ โรคทางจิตประสาท หรือแม้แต่โรคมะเร็ง
พรุ่งนี้ลองเริ่มต้นง่ายๆ ในช่วงพักกลางวัน ลองเดินไปร้านอาหารที่ไกลออกไปมากขึ้น เพิ่มจำนวนก้าว หรือวางแผนการเดินกลับบ้าน ลองตั้งใจ “เดิน” ขึ้นบันไดรถไฟฟ้าใต้ดินแทนการขึ้นบันไดเลื่อน โดยไม่ต้องสนสายตาคนอื่น หรือหลังทานมื้อเย็นเสร็จ ลองวางแผนการเดินเล่นต่อในห้างแบบเดินเร็วๆ สัก 20 นาที เพียงเท่านี้เราก็ได้เริ่มต้นการดูแลตัวเองให้มี สุขภาพดี แล้วค่ะ
หมอรับรองว่าการ เพิ่ม Active lifestyle เป็นประจำแบบนี้จะช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้นในระยะยาว ก้าวแรกมักยากเสมอ แต่เมื่อมองย้อนมา คุณจะภูมิใจที่ได้ทำแบบนั้น
หนังสือ Healthitude สุข(อุดม)คติ
นพ.พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์ (หมอบาย)