PM 2.5 ฝุ่นพิษ ที่คนไทยต้องระวังตลอดเวลา เพราะมลพิษและมลภาวะต่างๆ ในบ้านเราทำให้ฝุ่นพิษเหล่านี้ไม่หายไป และยังพร้อมกลับมาได้เสมอ
อันตรายแค่ไหน เมื่อคนกรุงมีอากาศดีแค่ 49 วัน
อากาศดี กลายเป็นสิ่งมีค่าที่หายาก เมื่อข้อมูลในปี 2022 พบว่า ฝุ่นล้อมกรุงจนทำให้เราได้สูดอากาศดีเพียงแค่ 49 วันเท่านั้น เทียบกับการสูบบุหรี่ถึง 1,224.77 มวน ซึ่งอาจมีผลให้เกิดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง และในอีกหลายโรคเรื้อรัง ที่อาจเป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้ โดยที่เรายังต้องลุ้นค่าฝุ่นกันวันต่อวัน
ที่มา : The World Air Quality Index Project
แหล่งกำเนิดของฝุ่น PM 2.5
- ฝุ่นจากท่อไอเสียรถยนต์ โดยเฉพาะบริเวณที่มีการจราจรติดขัด หนาแน่น
- ฝุ่นจากงานก่อสร้างทั้งหลาย เช่น รถไฟฟ้า อุโมงค์ คอนโดมิเนียม ฯลฯ
- ฝุ่นจากการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง เช่น เผาหญ้า ไฟป่า
- ฝุ่นจากโรงงานอุตสาหกรรม
โดยปกติแล้ว ฝุ่นเหล่านี้จะลอยขึ้นไปรวมตัวกันในอากาศเป็นจำนวนมากในช่วงกลางคืน ก่อนที่จะถูกลมพัดจางหายไปในตอนเช้า แต่หากสภาพอากาศที่มีหมอกในตอนเช้า อากาศนิ่ง และมีสภาพอากาศปิด จะทำให้ฝุ่นจิ๋วเหล่านี้ถูกสะสมวนเวียนอยู่รอบๆตัวเรา เมื่อเราสูดหายใจเข้าไปจึงเกิดอันตรายได้
ภัยร้ายจากฝุ่นที่ต้องระวัง
ฝุ่นร้ายนี้ ประกอบไปด้วยสารพิษโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว แคดเมี่ยม และสารหนู เป็นต้น และด้วยขนาดที่เล็กมาก แค่ 2.5 ไมครอน (เล็กกว่าขนาดหน้าตัดของเส้นผมเรา 25 เท่า) จึงทำให้ฝุ่นร้ายนี้นอกจากจะเล็ดลอดการกรองภายในจมูกเราเข้าสู่ปอดอย่างง่ายดายแล้ว ยังเล็ดลอดการกรองจากปอดเราเข้าสู่เส้นเลือดได้โดยตรง แทรกซึมกระบวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ เมื่อรับฝุ่นควันเป็นเวลานาน จึงมีผลให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย ส่งผลเสียต่อการแข็งตัวของเลือด การทำงานของเซลล์เยื่อบุหลอดเลือดมีผลให้เกิดโรคเรื้อรัง ทั้ง
- โรคหัวใจ เสี่ยงต่อการเกิดหัวใจวาย และหัวใจล้มเหลว
- โรคหลอดเลือดในสมอง
- โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
- โรคมะเร็งปอด
- โรคหัวใจขาดเลือด
- โรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบหายใจส่วนล่าง
- โรคกระดูกพรุน
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังกำหนดให้ PM2.5 อยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง ตั้งแต่ปี 2556 เป็นสาเหตุ 1 ใน 8 ของประชากรโลกเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และในปี 2562 ยังพบว่ามลพิษทางอากาศเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากกว่าการสูบบุหรี่ โดยส่วนใหญ่ของผู้เสียชีวิตเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจ (CVD)
วิธีป้องกัน และดูแลร่างกายให้ปลอดภัยจากฝุ่น
1. เลี่ยง – ลด การทำกิจกรรมกลางแจ้ง
2. ใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งต้องเป็นหน้ากากที่ระบุว่า ป้องกันอนุภาคขนาดน้อยกว่า 2 ไมครอน เท่านั้น
3. รับประทานสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการต้านอันตรายที่เกิดจากฝุ่น PM 2.5
- วิตามิน A และเบต้า-แคโรทีน พบมากในแครอท ตำลึง ผักบุ้ง ฟักทอง มันเทศ มันหวาน มะม่วง มะละกอ ฯลฯ มีส่วนช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของปอดให้ดีขึ้น ช่วยส่งเสริมระบบทางเดินหายใจและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย พร้อมต้านฤทธิ์พิษฝุ่นจิ๋ว
- วิตามิน C พบมากในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะขามป้อม กีวี สตรอว์เบอร์รี ส้ม มะเขือเทศ ผักสีเขียวเข้ม หัวหอม ฯลฯ ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เข้าสู่ร่างกาย และมีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกันทั้งระบบ ลดอาการภูมิแพ้ อาการคันต่างๆ จากพิษฝุ่นจิ๋ว
- วิตามิน E พบมากในอาหารไขมันสูง อย่างถั่วและธัญพืชชนิดต่างๆ เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง อัลมอนด์ เฮเซลนัต อะโวคาโด ไข่แดง ฯลฯ ช่วยลดการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์และปกป้องปอดจากฝุ่นละอองและมลพิษ
- วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 และกรดโฟลิกหรือสารโฟเลต พบมากในผักสีเขียวเข้ม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ธัญพืช เนื้อสัตว์จำพวกอกไก่ เนื้อวัวไม่ติดมัน เนื้อหมู และอาหารทะเล มีส่วนช่วยลดสารโฮโมซิสเทอีนในเลือด ป้องกันภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากจากการได้รับฝุ่นละอองขนาดเล็กสะสมทุกๆ วัน มีผลให้มีสารโฮโมซิสเทอีนในเลือดสูง
- วิตามิน D พบมากในปลาชนิดต่างๆ เช่น ปลานิล ปลาทับทิม ปลาตะเพียน ปลาซาร์ดีน ปลาแมคคอแรล ฯลฯ รวมถึงไข่แดง ตับ นม และเห็ด มีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยการสร้างเม็ดเลือดขาวและการจับกินเชื้อโรค ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปอด ลดความรุนแรงของการเกิดโรคหอบหืด ที่เกิดจากพิษฝุ่นจิ๋ว
- โอเมก้า-3 พบมากในปลาทะเล อาหารทะเล และปลาน้ำจืดบางชนิด และยังพบได้ในผลิตภัณฑ์จากนม ผักโขม ถั่วเหลือง ถั่วอัลมอลต์ ถั่วแระ ฯลฯ ช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองที่ผิวหนัง ช่วยป้องกันการติดเชื้อ และมีส่วนช่วยเสริมสร้างผนังเซลล์ในร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันผลเสียต่อสุขภาพที่เกิดจากพิษฝุ่นจิ๋วได้
- N-acetyl cysteine เป็นสารอาหารที่ต้องการกรดอะมิโนซิสเตอินช่วยในการสังเคราะห์ อาหารที่มีกรดอะมิโนซิสเตอินจะพบมากในเนื้อแดงอย่าง พอร์คชอป สเต็กเนื้อ และพบในธัญพืช โยเกิร์ตไขมันต่ำ ไข่ แตงโม หอมใหญ่ กระเทียม จมูกข้าวสาลี ฯลฯ ช่วยลดการเกาะติดของเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ช่วยกำจัดสารพิษและสารอนุมูลอิสระในร่างกาย
4. คีเลชั่นบําบัด เป็นกระบวนการช่วยนําสารพิษจำพวกโลหะหนักออกจากร่างกาย เพื่อล้างหลอดเลือดให้สามารถทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
- คีเลชั่นบำบัด เป็นการรักษาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากสํานักการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขไทย ซึ่งมีงานวิจัยรองรับโดยองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา รับรองให้เป็นการรักษามาตรฐานสําหรับกําจัดสารโลหะหนัก เช่น สารตะกั่ว ออกจากร่างกาย
- นอกจากนี้การแพทย์ทางเลือก ยังใช้คีเลชั่นบําบัดในการเสริมการรักษาแบบองค์รวม สําหรับผู้ป่ วยโรคหัวใจ, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ไขมันเกาะตับ ควบคู่กับการรักษาหลักอื่นๆเช่น การปรับไลฟ์สไตล์, การออกกําลังกาย, การผ่าตัด และ การรับประทานยา
**เพื่อความปลอดภัย** การทำคีเลชั่นบำบัด ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และทำในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
- Péter S, Holguin F, Wood LG, Clougherty JE , Raederstorff D, Antal M, Weber P, Eggersdorfer M. Nutritional Solutions to Reduce Risks of Negative Health Impacts of Air Pollution. Nutrients. 2015; 7(12): 10398–10416.
- กรมควบคุมมลพิษ http://aqmthai.com
- https://www.who.int/health-topics/air-pollution#tab=tab_1